Home  »  General Tips   »   เปิดตำนาน Alpinestars จากดอกไม้ที่งดงาม สู่ดวงดาราอันเจิดจรัส

เปิดตำนาน Alpinestars จากดอกไม้ที่งดงาม สู่ดวงดาราอันเจิดจรัส

Alpinestars History Cover

รู้หรือไม่? “Alpinestars” มีที่มาจากชื่อ “Stella Alpina” ในภาษาอิตาเลียน หมายความว่า “ดอกเอเดลไวส์” (Edelweiss) ดอกไม้ที่พบได้บนเทือกเขาแอลป์ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ บริสุทธิ์ และงดงาม นี่จึงเป็นคุณค่าของแบรนด์ Alpinestars ที่ต้องการสะท้อนให้เห็นในผลิตภัณฑ์ และคำว่า “Stella” ยังนำไปใช้เป็นชื่อผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิงอีกด้วย

Alpinestars Stella alpina

หลังจากได้รู้ที่มาของชื่อกันไปแล้ว คราวนี้มาทำความรู้จัก “Alpinestars” กันให้มากขึ้นดีกว่า

 

ในปี 1963 ณ เมือง Asolo ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือของอิตาลี “Sante Mazzarolo” (ซานเต มาซซาโรโล) ทายาทรุ่นที่ 3 ของครอบครัวช่างเครื่องหนังได้เรียนรู้วิชาการทำเครื่องหนังที่ส่งต่อมาจากรุ่นพ่อ และรุ่นปู่  เขาเริ่มต้นสร้าง Alpinestars ขึ้นมาด้วยการทำรองเท้าเดินป่า และรองเท้าสกี แต่ในช่วงนั้นเองกีฬา “โมโตครอส” เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก และเป็นกีฬาที่เริ่มนิยมแพร่หลายไปทั่วยุโรป ซึ่งอีกหนึ่งความโชคดีที่เมือง Asolo ได้มีการสร้างสนามแข่งโมโตครอสแห่งใหม่ ทำให้เขาเห็นว่านักแข่งหลายๆ คนสวมรองเท้าที่ไม่เหมาะกับการขับขี่รถประเภทนี้เอาซะเลย

Alpinestars 7

ด้วยความที่เขาสนใจ และเข้าอกเข้าใจในกีฬาประเภทนี้ “ซานเต” จึงใช้ความเชี่ยวชาญที่มีในการออกแบบรองเท้า เพื่อปกป้องนักแข่งให้ได้ทั้งประโยชน์ และความสวยงาม เขาใช้เวลาเกือบ 2 ปี ที่คิดค้น และผลิตรองเท้าที่สำหรับการขับขี่โมโตครอสโดยเฉพาะ โดยให้ความสำคัญกับการป้องกันหน้าแข้ง และสายรัดรองเท้าที่หนาแน่น สิ่งนี้ทำให้เขากลายเป็นผู้ปฏิวัติวงการอุปกรณ์มอเตอร์สปอร์ต และเป็นต้นแบบในการผลิตรองเท้าสำหรับการแข่งขันโมโตครอสในทันที

Alpinestars RogerDe Coster

จากนั้นไม่นาน เขาได้ก่อตั้ง Alpinestars สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในเมือง Maser ทางตอนเหนือของอิตาลี “ซานเต” ได้ออกแบบรองเท้ารุ่นใหม่ โดยพยายามเก็บข้อมูล และความคิดเห็นจากนักแข่ง เพื่อปรับปรุงรองเท้าให้ดีขึ้น โดยในปี 1973 เขาเปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ชื่อว่า “De Coster Boots” โดยร่วมกับนักแข่งชื่อดัง “Roger De Coster” ซึ่งมันกลายเป็นรองเท้ายอดนิยม และเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการแข่งขัน รวมทั้งยังเป็นรองเท้าที่ปฏิวัติวงการโมโตครอสไปตลอดกาล และในปีนั้นเอง Roger ก็ได้นำพา Alpinestars คว้าแชมป์โลกโมโตครอสเป็นครั้งแรก นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เห็นโอกาสในกีฬาชนิดนี้ จึงเริ่มนำเข้ารถจักรยานยนต์มาจากต่างประเทศ และทำให้กีฬาโมโตครอสเป็นที่นิยมมากขึ้นอีกด้วย

Alpinestars 1963 _ The Beginning

ด้วยความตั้งใจของ “ซานเต” และ “Alpinestars” เราจะพาทุกคนย้อนไปดูห้วงเวลาความสำเร็จในยุคต่างๆ จะได้เห็นว่ากว่าจะมาถึงวันนั้นไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ และต้องพัฒนาอยู่เสมอ

 

1963 – จุดเริ่มต้นของ Alpinestars

ปีที่ถือกำเนิดไอคอนสมัยใหม่ของวงการเครื่องหนังสำหรับมอเตอร์ไซค์ โดย “ซานเต มาซซาโรโล” ทายาทรุ่นที่สามของตระกูลช่างทำเครื่องหนัง ได้เห็นโอกาสในกีฬาโมโตครอส และกลายเป็นผู้พลิกโฉมการออกแบบรองเท้าสำหรับโมโตครอสไปตลอดกาล

Alpinestar 1965 _ THE FIRST MOTOCROSSBOOT_

1965 – รองเท้าบูท Motocross คู่แรก

“ซานเต” พร้อมทีมเทคนิคของเขาได้ร่วมพัฒนา และออกแบบรองเท้าสำหรับใส่ขี่มอเตอร์ไซค์เป็นครั้งแรก โดยใส่แนวความคิดใหม่ๆ และนี่ก็คือ รองเท้าบูทสำหรับขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก (โมโตครอส) คู่แรกของ Alpinestars

Alpinestar 1973 _ DE COSTER BOOTS

1973 – รองเท้า De Coster

Roger De Coster เป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์โมโตครอสในตำนานยุค 70s เขาคือผู้ที่ร่วมออกแบบรองเท้ารุ่นนี้ ที่ยกระดับการป้องกัน และเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่สูงสุด โดยมีคุณสมบัติที่ทนทาน เหมาะกับกับการใช้งานในสภาพที่ท้าทาย ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของ Alpinestars

Alpinestars 1975 _ MX STEEL PLATE

1975 – ติดเพลทเหล็ก

รองเท้าที่สร้างชื่อให้ Alpinestars เป็นผู้นำสูงสุดในวงการโมโตครอส โดยได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้ารุ่น Corazzato ในปี 1967 ตัวรองเท้าได้รับการเสริมแผ่นเหล็กป้องกันหน้าแข้ง จนกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของ Alpinestars อีกอย่างหนึ่ง

Alpinestars 1984 _ GP PRO BOOTS

1984 – กำเนิดรองเท้า GP Pro 

มาถึงการพัฒนารองเท้าสำหรับการแข่งรถมอเตอร์ไซค์ทางเรียบครั้งแรก การออกแบบที่มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง เพื่อการขับขี่บนสนามแข่งทางเรียบ เสริมวัสดุพลาสติกเพิ่มความแข็งแรงในการปกป้อง เท้า นิ้วเท้า ส้นเท้า ข้อเท้า หน้าแข้ง และเพิ่มความสบาย สร้างความยืดหยุ่นในขณะขี่ จึงไม่แปลกใจที่เป็นที่นิยมในหมู่นักแข่งระดับโลก

Alpinestars 1986 _ ALPINESTARS USA is established

1986 – ถึงเวลาขยายธุรกิจ เปิดตัว Alpinestars ที่อเมริกา 

และแล้วก็ถึงเวลาขยับขยาย หลังจากพัฒนา และผลิตรองเท้าขี่มอเตอร์ไซค์ทั้งถนน ออฟโรด การแข่งขัน และใช้งานทั่วไป ในปี 1986 “กาเบรียล มาซซาโรโล” ทายาทรุ่น 4 ซึ่งเป็นลูกชายชายของ “ซานเต” ขยายธุรกิจไปยังอเมริกา ได้ก่อตั้ง Alpinestars USA ขึ้นในลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เขาได้เริ่มพัฒนาจักรยานเสือภูเขาระดับแข่งขัน และได้พา “ไมค์ โคลเซอร์” ขึ้นสู่โพเดียมในรายการ World Downhill Championship ในปี 1990

Alpinestars 1992 _ TECH 7

1992 – เปิดตัว Tech 7 เปลี่ยนวัสดุใหม่

เป็นครั้งแรกที่วัสดุของรองเท้าจากหนัง ถูกเปลี่ยนมาเป็น โพลีเมอร์สังเคราะห์ ซึ่งกลายเป็นวัสดุหลักในการผลิตรองเท้า โดยวัสดุโพลีเมอร์จะทนทานต่อการเสียดสี และลดแรงกระแทกได้ดีกว่า เป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน ลดน้ำหนักของรองเท้า และเพิ่มความคล่องตัวขณะขี่

Alpinestars 1995 _ LEATHER APPAREL

1995 – ผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกายหนังรุ่นใหม่

ปีที่ Alpinestars ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ เสื้อผ้า และอุปกรณ์ป้องกันสำหรับการขับขี่มอเตอร์ไซค์ (Riding Gear) เป็นครั้งแรก มาในไลน์ผลิตภัณฑ์ เสื้อแจ็คเก็ตหนัง ถุงมือ โดยให้ความสำคัญต่อความปลอดภัย และการปกป้องผู้ขับขี่อย่างดีที่สุด

Alpinestars 1997 _ GP TECH DOOHAN REPLICA

1997 – รองเท้ารุ่นพิเศษ GP Tech Doohan Replica

รองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองให้กับนักแข่งระดับตำนานอย่าง Mick Doohan ซึ่งเป็นแชมป์โลก 500 cc ถึง 5 สมัย ตัวรองเท้าถูกออกแบบให้มีความสปอร์ต มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยใช้วัสดุคุณภาพ ถือเป็นรองเท้าที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Alpinestars ในขณะนั้น

Alpinestars 2000 _ RESEARCH INTO AIR BAG

2000 – เริ่มพัฒนา Airbag

เข้าสู่ช่วง Y2K ยุคนั้นเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก Alpinestars ได้เริ่มต้นโครงการยกระดับความปลอดภัยให้กับนักแข่งมากขึ้น โดยมีเป้าหมายพัฒนาระบบถุงลมที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และทำงานได้ทันที เมื่อตรวจจับได้ว่ามีแรงกระแทก ทั้งหมดนี้เพื่อความปลอดภัย ความสบาย และการเคลื่อนไหวของผู้ขับขี่

Alpinestar 2003 _ ALL IN THE DATA - ADVANCED RESEARCH INTO AIRBAG SYSTEMS

2003 – จัดเต็มกับการวิจัยด้านข้อมูลสำหรับระบบ Airbag 

เนื่องจากการพัฒนาระบบถุงลมอิเล็กทรอนิกส์ ต้องใช้ข้อมูลในการประมวลผลเยอะมาก ทั้งในด้านการขับขี่ และผลการทดสอบจากการชน ทาง Alpinestars จึงเพิ่มระดับการวิจัย โดยใส่อุปกรณ์ระบบบันทึกข้อมูลใน  Aerohump (โหนกหลังของชุดแข่ง) เพื่อเก็บข้อมูลการขับขี่ และสร้างระบบการตอบสนองที่รวดเร็ว แม่นยำมากขึ้น

Alpinestar 2005 _ FERNANDO ALONSO WINS F1

2005 – Fernando Alonso คว้าชัยใน F1

เป็นช่วงเวลาโชว์ของกันสักหน่อย เมื่อนักแข่งรถสูตร 1 อย่าง “เฟอร์นันโด อลอนโซ่” คว้าแชมป์ฟอร์มูล่า 1 ในปี 2005, 2006 ซึ่งเขาสวมใส่ชุด และอุปกรณ์จาก Alpinestars เต็มรูปแบบ ถือเป็นช่วงโปรโมทอย่างเต็มที่ นอกจากนี้เขายังเป็นนักแข่งชาวสเปน คนแรก และคนเดียวที่ได้แชมป์ฟอร์มูล่า 1 อีกด้วย

Alpinestar 2006 _ NICKY HAYDEN WINS MOTOGP

2006 – Nicky Hayden คว้าแชมป์ MotoGP

ถึงเวลาของสายซิ่งสองล้อกันบ้าง เมื่อนักแข่งผู้ล่วงลับระดับตำนาน “นิกกี้ เฮย์เดน” คว้าแชมป์โลก MotoGP กับรถแข่ง Honda หนุ่มน้อยเจ้าของฉายา “Kentucky Kid” ผู้ซึ่งสวมชุด และอุปกรณ์จาก Alpinestars เต็มรูปแบบก็ถูกสนับสนุนอย่างเต็มที่ไม่แพ้กัน

Alpinestar 2009 _ TECH AIR ARRIVES IN MOTOGP

2009 – Tech Air ประจำการใน MotoGP

หลังจากทำการวิจัยอย่างหนักหน่วง ถุงลมป้องกันสำหรับการแข่งขันได้ถูกเปิดตัวใน MotoGP เสียที ระบบนี้ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเก็บข้อมูล Data Log จากการขับขี่ การล้มของนักแข่งระดับโลกที่ใช้ผลิตภัณฑ์กันในทุกสนาม เพื่อยกระดับการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งหากเราได้ดูการแข่งขัน MotoGP ก็จะได้เห็นเคส หรือข้อมูลการล้มอันน่าทึ่งผ่านการทำงานของชุดแข่งผ่านตากันบ้างแน่ๆ

Alpinestar 2012 _ CLEAN SWEEP OF MotoGP TITLES

2012 – กวาดเรียบแชมป์ MotoGP 

ปีนี้ขอเหมา เมื่อนักแข่ง MotoGP ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Alpinestars ทำผลงานคว้าแชมป์โลกได้ในทุกคลาสของการแข่งขัน  ถือว่าเป็นปีทองที่น่าจดจำของแบรนด์เลยทีเดียว

  • MotoGP : Jorge Lorenzo
  • Moto2 : Marc Marquez
  • Moto3 : Sandro Cortese
Alpinestars 6

2017 – การครอบครองพื้นที่ของ Alpinestars

ความเป็นผู้นำของ Alpinestars ในวงการมอเตอร์สปอร์ต นักแข่ง 7 ใน 10 คน อยู่ในลำดับสูงสุดของการแข่งขัน MotoGP และ 8 ใน 10 คน อยู่ในลำดับสูงสุดของการแข่งขัน Supercross เขาเหล่านั้นสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันจาก Alpinestars ถือเป็นความสำเร็จที่สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์เป็นที่เชื่อมั่นไว้วางใจในคุณภาพของนักแข่งระดับโลกมากมาย

2023 – ฉลองครบรอบ Alpinestars 60 ปี

เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของแบรนด์ Alpinestars ในปีนี้พวกเขาได้รวมประวัติศาสตร์ ผลงาน และนวัตกรรมของแบรนด์ที่สำคัญออกมาโชว์มากมาย รวมถึงแบรนด์ได้แสดงความขอบคุณต่อนักแข่ง และแฟนๆ ที่สนับสนุนแบรนด์ตลอดมา และได้มีการเปิดตัวสินค้ารุ่นพิเศษออกมาในโอกาสนี้ด้วย

Alpinestars 8

หลังจากเห็นความสำเร็จในแต่ละยุคไปแล้ว ลองดูสิว่านักแข่งสายสองล้อคนไหนใช้ผลิตภัณฑ์ของ Alpinestars กันบ้าง

  • Rojer De Coster – โรเจอร์ เดอ คอสเตอร์
  • Kenny Robert – เคนนี โรเบิร์ต
  • Mick Doohan – ไมเคิล ดูฮาน
  • Carlos Checa – คาร์ลอส เชก้า
  • Daijiro Kato -ไดจิโร่ คาโต้
  • John Hopkins – จอห์น ฮอปกินส์
  • Nicky Hayden – นิกกี้ เฮย์เดน
  • Casey Stoner – เคซี่ย์ สโตเนอร์
  • Jorge Lorenzo – ฆอร์เฆ โลเรนโซ
  • Dani Pedrosa – ดานี่ เปรโดซ่า
  • Jack Miller – แจ็ค มิลเลอร์
  • Marc Marquez – มาร์ค มาร์เกซ
  • Alex Marquez – อาเลกซ์ มาร์เกซ
  • Maverick Vinales – มาเวริค บีญาเลส
  • Alex Rins – อเล็กซ์ รินส์
  • Francesco Bagnaia – ฟรานเชสโก บัญญายา
  • Enea Bastianini – เอเนีย บัสเตียนินี
  • Fabio Quartararo – ฟาบิโอ ควาตาราโร่
  • Jorge Martin – ฆอร์เฆ มาร์ติน

 

ทันยุคไหนกันบ้างเนี่ย!!

Alpinestars 4

เรียกได้ว่าเราได้รู้จักแบรนด์ Alpinestars ผ่านนักแข่งชั้นแนวหน้าของโลกมาแล้วมากมาย และเชื่อได้เลยว่า Alpinestars จะเป็นแบรนด์ที่อยู่ใจของแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตกันอย่างยาวนาน

 

หากเพื่อนๆ สนใจผลิตภัณฑ์ Alpinestars ในประเทศไทยก็มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเปิดโชว์รูมใหญ่ต้อนรับเราอยู่ พร้อมกับผลิตภัณฑ์ระดับโลกเพื่อความปลอดภัยของพวกเราชาวสองล้อ รวมไปถึงสินค้าไลฟ์สไตส์แบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Motocross, Sport, Racing, Touring, Urban, Tech Air หรือแม้แต่เสื้อผ้า Sportwear ที่ใส่เท่ ใส่ชิลได้ทุกวัน

Alpinestars 3

ผลิตภัณฑ์ของ Alpinestars ที่จำหน่ายในประเทศไทย มีให้เลือกตามความต้องการ ทั้งรุ่น ประเภทการใช้งาน และราคา วันนี้เราหยิบยกสินค้ากลุ่ม Race มาให้ดูเป็นตัวอย่างว่ามีรุ่นไหนจำหน่าย และราคาเป็นอย่างไรบ้าง

 

RACING SUIT | ชุดเรซซิ่ง

  • GP FORCE LURV LEATHER SUIT (ชุด 2 ชิ้น) : ราคา 39,000 บาท
  • GP TECH V4 : ราคา 75,000 บาท
  • FUSION LEATHER SUIT : ราคา 65,000 บาท
  • GP PLUS V4 LEATHER SUIT : ราคา 59,000 บาท
  • GP IGNITION LEATHER SUIT : ราคา 51,000 บาท
  • MISSILE V2 IGNITION LEATHER : ราคา 51,000 บาท
  • GP FORCE PHANTOM LEATHER : ราคา 39,000 บาท

หมายเหตุ : ราคา ณ วันที่ 25 กันยายน 2567

Alpinestars 1

GLOVES | ถุงมือ

  • SUPERTECH : ราคา 16,900 บาท
  • GP TECH V2 GLOVES : ราคา 14,900 บาท
  • GP PRO R3 GLOVES : ราคา 11,400 บาท
  • GP PLUS R V2 GLOVES : ราคา 8,600 บาท
  • SP-2 V3 : ราคา 5,900 บาท
  • SP-8 V3 AF : ราคา 4,100 บาท

หมายเหตุ : ราคา ณ วันที่ 25 กันยายน 2567

Alpinestars 2

BOOTS | รองเท้าเรซซิ่ง

  • SUPERTECH R / SUPERTECH R VENTED : ราคา 21,600 บาท
  • SMX PLUS V2 : ราคา 17,700 บาท
  • SMX-6 V2 / STELLA SMX-6 V2 : ราคา 11,800 บาท

หมายเหตุ : ราคา ณ วันที่ 25 กันยายน 2567

Alpinestars

หากทุกคนอยากเข้าไปดูสินค้าประเภทอื่นๆ สามารถเข้าไปดูสินค้าแบบออนไลน์กันได้ที่ 

Website : https://www.pacemax.com/alpinestars

Facebook : https://www.facebook.com/alpinestarsthailand

 

 

หรือถ้าใครจะไปลองใส่กันให้หนำใจ ตามไปได้ที่ Alpinestars Thailand

590 ซ. รามคำแหง 39 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310

เบอร์โทร : 098-428-8888

Google Map : https://maps.app.goo.gl/TKW8Kr1aNyawmTVK9

 

ท้ายนี้ต้องขอบอกว่า “ลงทุนกับความปลอดภัย ลงทุนไปเถอะ” เพราะ “ความปลอดภัย ไม่มีคำว่าต่อรอง”

Source Cr.: Alpinestars, Alpinestars Thailand Official, Undertrenta, oxfordproducts

อ่านข่าว General Tips เพิ่มที่นี่

อ่านข่าว Alpinestars เพิ่มที่นี่


 

เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่

Website : motowish.com 

Facebook : facebook.com/motowish



ห้ามคัดลอกบทความหรือเนื้อหาในเว็บ Motowish