Home  »  General Tips   »   อยากแข่งรถต้องใช้งบเท่าไหร่?

อยากแข่งรถต้องใช้งบเท่าไหร่?

_Budget Join motorcycle race in thailand-5

การลงแข่งขันรถจักรยานยนต์อาจเป็นความฝันของไบค์เกอร์หลายคนที่มีรถบิ๊กไบค์ ว่าในสักวันจะต้องได้ลงแข่งขันสักครั้งบนสนามที่จัดขึ้นอย่างถูกต้อง เช่นรายการใหญ่อย่าง OR BRIC Superbike ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีมาตรฐานระดับโลก ใช้จัดการแข่งขันโมโตจีพีมาแล้วหลายปี แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่าการไปแข่งแต่ละครั้งนั้นมีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ วันนี้จะพามาชำแหละแต่ละรายการกัน

_Budget Join motorcycle race in thailand-4

ในส่วนของการประมาณการค่าใช้จ่าย หากอยากลงทำการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบ แนะนำเป็นรถตัว 1,000 ซีซี รุ่นที่ไม่ต้องทำรถอะไรมากอย่างรุ่น Super Stock 1000 cc. หรือจะเป็นรุ่น 600 ซีซี

 

อันดับแรก คือ รถ

 

เริ่มต้นด้วยการมีรถแข่งสักคันก่อน จะเป็นรถมือหนึ่งหรือมือสองก็ได้แล้วแต่งบประมาณ มีให้เลือกมากมายหลายค่าย เช่น Honda, Yamaha, Kawasaki, Aprilia, MV Agusta หรือ Ducati เป็นต้น ราคามีตั้งแต่ 300,000 – 1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้รถมือหนึ่งหรือมือสองปีใหม่/ปีเก่า

 

 

อุปกรณ์เสริมประสิทธิภาพ / อุปกรณ์ตกแต่ง

 

เมื่อได้รถมาแล้ว ต่อมาคือการทำให้รถคันนั้นเป็นรถแข่ง ในส่วนนี้นั้นไม่สามารถประมาณการออกมาเป็นตัวเลขได้เป๊ะๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะใช้อะไหล่ยี่ห้อไหนบ้าง ถูกหรือแพง รวมไปถึงการจ้างช่างทำเครื่อง และจูนรถด้วย ของแต่งที่ควรเปลี่ยนเบื้องต้นก็คือ

 

  • แฟริ่งแข่ง/แฟริ่งสนาม แน่นอนว่าเมื่อซื้อรถบิ๊กไบค์มาสักคันแล้วเอามาลงแข่งขัน แฟริ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เหล่าไบค์เกอร์ไม่อยากเสียไป การมีแฟริ่งแข่งเป็นสิ่งสำคัญมาก นอกจากเรื่องการหัก การพังแล้ว การประกอบแฟริ่งเดิมจากโรงงานเป็นเรื่องยาก แฟริ่งแข่งเป็นการทำขึ้นมาให้ประกอบเข้ากับตัวรถได้อย่างง่ายดายไม่ต้องขันน็อตหลายจุด ราคาอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 20,000 บาท

 

  • ท่อไอเสีย มีให้เลือกมากมายหลายรุ่น ตั้งแต่แบรนด์ไทย ไปจนถึงแบรนด์นอกที่เป็นมาตรฐานระดับโลก จะซื้อมือหนึ่งหรือมือสองขึ้นอยู่กับงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ มีตั้งแต่ราคาหลัก ตั้งแต่ ราคาหลักพัน ไปจนถึงหลักแสน ขึ้นอยู่กับคุณภาพที่อยากได้ จะมือหนึ่งหรือมือสองเลือกได้เลย

 

  • กันสะบัด เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำรถแข่ง  ราคามีตั้งแต่ 4,000 – 25,000 บาท

 

  • โซ่ รถแข่งจะขับเคลื่อนไม่ได้เลยหากไม่มีโซ่ และโซ่จะต้องมีความแข็งแรงเหมาะสมใช้กับการแข่งขัน มีราคาตั้งแต่ 3,000 – 10,000 บาท

 

  • สเตอร์ ก็ควรเลือกสเปคให้เหมาะสมกับนักแข่ง การเพิ่มหรือลดฟันสเตอร์จะช่วยเพิ่มความเร็วของรถได้ สำหรับราคาสเตอร์มีตั้งแต่ 2,000 – 5,000 บาท

 

  • แบตเตอรี่ ระบบไฟในตัวรถหากแบตเตอรี่จ่ายไฟไม่ดี จะลามไปสู่การทำงานส่วนต่างๆ ของรถไม่เสถียร ต้องเลือกเป็นแบตเตอรี่เกรดเรซซิ่งในตลาดก็มีให้เลือกหลายยี่ห้อมาก ซึ่งมียี่ห้อดังที่ใช้ในการแข่งขันโมโตจีพี เข้ามาตีตลาดเมืองไทยแล้วนั่นก็คือ “Unibat” เป็นแบตฯ น้ำหนักเบา จ่ายไฟสม่ำเสมอ ที่สำคัญแข็งแรงทนทานเหมาะกับรถแข่ง มีให้เลือกมากมายหลายรุ่น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ สำหรับราคานั้นอยู่ที่ 3,000 – 10,000 บาท

 

แต่ถ้าไม่อยากลงทุนกับรถแข่งแต่อยากเข้าร่วมแข่งขัน ปัจจุบันมีทีมแข่งบางทีมให้บริการเช่ารถ โดยมีค่าบริการอยู่ที่สนามละ 50,000 บาท และพ่วงออฟชั่นแถมช่างดูแล หรือไม่มีช่างดูแลรถตลอดการแข่งขันขึ้นอยู่กับการตกลงและพูดคุย นอกจากนี้หากมีความเสียหายเกิดขึ้นกับรถแข่งที่เช่าก็จะมีค่าซ่อมอีกด้วย

_Budget Join motorcycle race in thailand-_

อุปกรณ์เสริม และอุปกรณ์ซ่อมบำรุง 

 

เมื่อแต่งรถเสร็จแล้วอุปกรณ์ที่จะต้องเตรียมไปสนามอีกมีอะไรบ้าง? มาดู

 

  • ที่วอร์มยาง เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะหากไม่ทำอุณหภูมิยางให้อยู่ในความร้อนที่เหมาะสม การลงไปขี่ทั้งๆ ที่ยางยังเย็นจะทำให้ยางไม่เกาะกับพื้นสนามและเกิดอุบัติได้ ราคาอยู่ที่ 7,000 – 13,000 บาท

 

  • แสตนด์ตั้งรถ ช่วยในการเซอร์วิสรถได้สะดวกมากขึ้น เพราะโดยส่วนมากรถแข่งจะถอดขาตั้งออกกันเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นควรมีติดไว้ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ราคาประมาณตัวละ 2,000-8,000 บาท

 

  • ผ้าเบรก ทำรถแข่งมาแรงมาก แต่ไม่ได้สนใจเรื่องเบรกก็อาจจะทำให้ไม่จบการแข่งขันได้ เพราะในสนามแข่งไม่ได้วัดกันที่รถแรงเท่านั้น แต่จุดเบรกก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน หากผ้าเบรกไม่ดีเบรกไม่อยู่ในจุดที่ต้องการ ก็อาจจะทำให้หลุดไลน์สนาม ลามไปถึงเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะฉะนั้นต้องเลือกผ้าเบรกที่มีคุณภาพเหมือนกัน อีกทั้งยังมีให้เลือกหลายยี่ห้อ เช่น Brembo , Bendix, Nexzter หรือ Brenta เป็นเต้น ราคาตั้งแต่ 500 – 5,000 บาท เลยทีเดียว

 

  • น้ำมันเครื่อง มีตั้งแต่ราคา 1,000 – 5,000 บาท สำหรับน้ำมันเครื่องมีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ เลือกใช้สเปคให้เหมาะสมกับการแข่งขัน

 

  • กรองน้ำมันเครื่อง มีตั้งแต่ราคา 500 – 1,000 บาท

 

  • กรองอากาศ ราคาอยู่ที่ 1,000 – 5,000 บาท
Compound Type Bridgestone-1

ยาง

 

เรื่องยางนี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะโปรแกรมทั้ง 3 วัน จะต้องมียางใช้ตั้งแต่การซ้อม การคลอลิฟาย ไปจนถึงการแข่งขัน สำหรับยางที่ใช้ในการแข่งขันรายการ OR BRIC Superbike จะใช้ยาง Bridgestone ซึ่งภายในงานจะมีจำหน่ายพร้อมบริการเปลี่ยนยางให้ด้วย ส่วนราคายางนั้นหากเป็นในรายการแข่งขันจะมีส่วนลด ราคาอยู่ที่ประมาณ 8,000 – 12,000 บาท คราวนี้ก็มาคำนวณกันว่าจะใช้กี่คู่ตลอดทั้ง 3 วัน รุ่นยางที่ใช้ในการแข่งขันจะมีด้วยกัน 2 รุ่นได้แก่

 

  • Bridgestone Battlax Racing R11 เป็นยางที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในสนามแข่งโดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าจะมีดอกยางแต่มีพื้นฐานมาจากยางสลิค ฉะนั้นแล้วมั่นใจได้เลยว่าประสิทธิภาพการยึดเกาะสูงอย่างแน่นอน เทคโนโลยีที่ใส่เข้าว่าไม่ว่าจะเป็น Ultimate Eye ซึ่งพัฒนาขึ้นครั้งแรกในการแข่งขัน F1 และ MotoGP ใช้วัดผลและแสดงข้อมูลอย่างละเอียดของลักษณะการทำงานของยาง และผิวสัมผัสในทุกรูปแบบการขับขี่ในทุกสภาพถนน และยังมีเทคโนโลยี V-MS BELT การดีไซน์ระยะห่างของเส้นลวด MS Belt ที่พันรอบๆ เส้นรอบวงของยาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนอย่างลงตัว จึงเสริมสร้างประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น คอมปาวด์ยางมีให้เลือก 2 แบบด้วยกัน คือ Soft และ Medium

 

  • Bridgestone Racing Battlax V02 เป็นตัวท๊อปสุดของสายสนาม ที่สุดของยางสลิคสมรรถนะสูงเพื่อตอบสนองการขับขี่ในสนามแข่ง ยางตัวนี้ความพิเศษคือยาวสลิคที่เป็นแบบมัลติคอมปาวน์ นั่นก็คือ 3LC เนื้อยาง 3 โซน 2 คอมพาว โดยใช้เนื้อยางที่นิ่มกว่าในบริเวณขอบยาง ทำให้ยึดเกาะได้ดีเวลาเข้าโค้ง และใช้เนื้อยางที่แข็งขึ้นบริเวณส่วนกลางของยางเพื่อเพิ่มความทนทานในการขี่ทางตรงเป็นการรวมประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน ลดแรงเสียดสีเพื่อทำความเร็ว และยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น มาใช้สำหรับการแข่งขันที่ต้องการยางสมรรถนะสูงสุด  เทคโนโลยี V-MS BELT และเทคโนโลยี GP-BELT ชั้นขดลวดรอบนอกที่เพิ่มจากขดลวด MS BELT อีกชั้นหนึ่ง ช่วยเพิ่มหน้าสัมผัสให้กับยาง ทำให้การยึดเกาะขณะเร่งออกจากโค้งดีขึ้น ช่วยลดโอกาสที่อาจจะเกิดการลื่นไถล ทำให้เกิดการสึกหรอน้อยลง และอายุการใช้งานเพิ่มขึ้น เรียกได้ว่านี่คือที่สุดของยางสนามโดยแท้  คอมปาวด์ยางมีให้เลือก 2 แบบด้วยกัน คือ Soft และ Medium

 

 

หากสนใจยางรุ่นอื่นๆ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

Budget Join motorcycle race in thailand

ชุดแข่ง

 

เมื่อทำรถแข่งเรียบร้อยแล้ว หันกลับมาที่ตัวผู้แข่ง จะต้องมีชุดเรซซิ่งสูท หรือชุดแข่งนั่นเอง เป็นสิ่งพื้นฐานที่นักแข่งทุกคนจะต้องมี ในส่วนนี้มีมากมายหลายยี่ห้อ ตัวอย่างเช่น Dainese, Kushitani หรือ Alpinestars เป็นต้น

 

สำหรับยี่ห้อ Alpinestars ปัจจุบันได้มีตัวแทนประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว เหล่าไบค์เกอร์ที่ต้องการเป็นเจ้าของสามารถเข้าไปเลือกซื้อกันได้ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

 

ชุดแข่ง Racing Suit Alpinestars  มีทั้งของผู้หญิงใช้ชื่อว่ารุ่น Stella และของผู้ชายที่มีรุ่นสำหรับคนเอเชียโดยเฉพาะ (Asian Fit) เลือกใส่ได้ไม่ต้องกลัวหลอมไม่เข้ารูป มีให้เลือกดังนี้

 

  • Alpinestars GP Force Phantom ชุดแข่งที่ทำมาจากหนังวัว ป้องกันการเสียดสีที่เหนือชั้นไม่ขาดง่ายๆ ภายในออกแบบให้มีหลายชั้นเพื่อความแข็งแรง และความสบาย มีการใส่แผ่นป้องกันข้อศอก เข่า บริเวณไหล่ สโพก และหน้าแข้ง ราคา 39,000 บาท

 

  • Alpinestars Missile Ignition V2 เป็นชุดแข่งจากหนังวัว อัพเกรดพรีเมี่ยมขึ้นมาจากรุ่น GP Force Phantom แบบ 2 ชั้น ความทนทานต่อการเสียดสียังเป็นโจทย์หลักของชุดตัวนี้ แต่ได้เรื่องน้ำหนักเบาลง ยังคงความสะดวกสบายเอาไว้เนื่องด้วยมีการปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศให้ดีขึ้น แล้วที่สำคัญซับในของชุดรุ่นนี้สามารถถอดออกได้ ราคา 51,000 บาท

 

  • Alpinestars GP Ignition ชุดแข่งที่ใช้วัสดุหนังวัวพรีเมียม ความหนา 1.3 มิลลิเมตร เพื่อความทนทานในการเสียดสีที่ดีกว่า เป้ากางเกงเป็นแบบยืดได้ เพื่อให้ผู้สวมใส่มีความเป็นอิสระมากขึ้น รูระบายอากาศของชุดมีการคิดค้นเพื่อให้ได้การระบายและไหลเวียนของอากาศให้ดีที่สุด ตรงแขนและขา ทาง Alpinestars ได้มีการพัฒนาชุดให้ลดความเมื่อยล้าลง และซับในสามารถถอดออกได้ ราคา 51,000 บาท

 

  • Alpinestars GP Plus V4 ชุดแข่งหนังวัว Flex Plus ที่ผ่านการฟอกและขัดมาเป็นพิเศษจากโรงงานของ Alpinestars ในอิตาลี โดยคุณสมบัติเด่นของชุดหนังตัวนี้ด้วยเทคโนโลยี A-CS® Plus จะมีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษสามารถปรับให้เข้ากับสรีระได้ดี สามารถยืดตัวได้อีก 20% และมีความทนทานต่อการเสียดสีฉีกขาดเพิ่มขึ้นอีก 300% เมื่อเทียบกับหนังวัวปกติ จุดกันกระแทกพื้นฐานติดตั้งมาให้ครบครันไม่ว่าจะเป็นส่วนศอก แขน เข่า และหน้าแข้ง ราคา 59,000 บาท

 

  • Alpinestars Fusion ใช้หนังวัวเกรด Racing ถึง 2 ชั้น โดดเด่นด้วยการยืดตัวของเทคโนโลยี RIDEKNIT® ทำให้การเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระขณะกำลังคร่อมรถแข่ง ไม่ว่าจะเป็นการขยับตัวเพื่อเข้าโค้ง ก็สามารถขยับได้อย่างง่ายเหมือนกับไม่ได้ใส่ชุดแข่ง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี MATRYX® ที่ป้องกันการขีดข่วนหรือฉีกขาดเป็นพิเศษ และซับในมีซิปสามารถถอดได้ ราคา 65,000 บาท

 

  • Alpinestars GP Tech V4 ที่สุดของชุดแข่งต้องหนังจิงโจ้ เป็นสุดยอดเทคโนโลยีชุดแข่งเกรดการแข่งขันพัฒนามาจากการแข่งขันโมโตจีพี ผสมผสานกับหนังวัวเกรดการแข่งขัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด โดยหนังจิงโจ้นั้นจะถูกเอามาใช้บริเวณ แขน สะโพก และหน้าท้อง มีเทคโนโลยี Cool-iR คอยทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม เป็นการสะท้อนอินฟราเรดจากรังสีดวงอาทิตย์เพื่อป้องกันการสะสมความร้อนจึงควบคุมอุณหภูมิภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวป้องกันแรงกระแทกส่วนต่างๆ ของร่างกาย ใช้วัสดุระดับท๊อปสุด ราคา 79,000 บาท
Alpinestars

ถุงมือ 

 

สำหรับถุงมือของ Alpinestars นั้น มีให้เลือกมากมายหลายรุ่นมีทั้งรุ่นถูกและรุ่นแพง ขึ้นอยู่กับเกรดวัสดุที่ใช้ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

 

  • Alpinestars SP-8 V3 ถุงมือรุ่นเริ่มต้นของทางค่าย ใช้วัสดุเป็นหนังแพะเกรดพรีเมียม และหนังสังเคราะห์ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยนวัตกรรมไมโครไฟเบอร์และเสริมด้วย PU อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมบนฝ่ามือและนิ้วหัวแม่มือ เรื่องการเคลื่อนไหวของฝ่ามือได้รับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่น ทำได้ดีไม่ติดขัด ราคา 4,100 บาท

 

  • Alpinestars SP-2 V3 ถุงมือรุ่นนี้ทำจากวัสดุหนังฟูลเกรนมีความทนทานสูง บริเวณฝ่ามือและนิ้วเสริมด้วยหนังแพะ เพื่อความอ่อนนุ่มในการสัมผัส นอกจากนี้ยังเสริมด้วยหนังกลับสังเคราะห์เพื่อให้ทนต่อการเสียดสี ด้านในฝ่ามือเสริมด้วยโฟม EVA ดูดซับแรงกระแทก นอกจากนี้บริเวณปลายนิ้วได้มีการออกแบบให้สามารถสัมผัสกับจอสมาร์ทโฟนได้ดีอีกด้วย ราคา 5,900 บาท

 

  • Alpinestars GP Plus R V2 เป็นถุงมือที่เน้นการป้องกันมือระดับพรีเมียม ด้วยเทคโนโลยี Dynamic Friction Shield (DFS) เอกสิทธิ์เฉพาะของ Alpinestars โครงสร้างโพลีเมอร์ความหนา 2 ชั้นเพื่อประสิทธิภาพที่เหนือกว่าต่อการกระแทกซ้ำๆ และความทนทานต่อการเสียดสี เสริมความแข็งแรงของมือและนิ้วหัวแม่มือด้วยเส้นใยอะรามิดิกภายใน พร้อมด้วยชั้นเส้นใยอะรามิดิกรอบนิ้วก้อยทำให้ทนทานต่อการเสียดสีได้ดีเยี่ยม ราคา 8,600 บาท

 

  • Alpinestars GP Pro R3 เป็นการผสมผสานระหว่างหนังสัตว์ 3 ชนิด ได้แก่ หนังแพะ หนังวัว และหนังจิงโจ้ เพื่อประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ถุงมือรุ่นนี้ผ่านการทดสอบในเวทีใหญ่มาแล้ว เช่น WorldSBK และ MotoGP มีความทนทานต่อการเสียดสีสูงมาก ซับในอะรามิดิกบริเวณหลังมือเพื่อเพิ่มการป้องกัน ตรงส่วนนิ้วมีการเสริมการป้องกันแรงกระแทกเข้าไปอีก มีระบบปิด 2 ชั้นเพื่อความปลอดภัย ราคาขาย 11,400 บาท

 

  • Alpinestars GP Tech V2 ถุงมือเกรด Racing ระดับพรีเมียม วัสดุมีความยืดหยุ่นสูง ผ้ายืด Kevlar® และหนังบริเวณหลังมือเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด อิสระในการเคลื่อนไหว ลดความเมื่อยล้า และความคล่องตัวในการควบคุมรถแข่ง บริเวณนิ้วเพิ่มความหนาเป็น 2 ชั้น เพื่อป้องกันอันตราย ราคา 14,900 บาท

 

  • Alpinestars Supertech เป็นการผสมผสานระหว่างหนังจิงโจ้เกรดพรีเมียม และหนังแพะ เพื่อให้ได้ทั้งความนุ่มนวลและความแข็งแรง เสริมการป้องกันด้วยเส้นใยอะรามิดและโพลีเอไมด์ บนฝ่ามือและมือด้านนอก ให้ความทนทานต่อการเสียดสีสูงสุดในบริเวณที่มีการกระแทก ตะเข็บการเย็บคำนึงการใช้งานของนิ้ว แผ่นรองมือและข้อนิ้วทำจากโฟม PU ช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ระบบป้องกันนิ้วยังได้รับการเสริมด้วยวัสดุ 2 ชั้น เทคโนโลยี CarbonX® พัฒนาและทดสอบในแผนกรถยนต์ของ Alpinestars เพื่อการต้านทานความร้อนจากการเสียดสีได้ดีกว่า ราคา 16,900 บาท
Alpinestars-1

รองเท้า 

 

เท้าเป็นอีกหนึ่งส่วนที่จะต้องได้รับการป้องกันเป็นพิเศษ ดังนั้นการเลือกรองเท้าแข่งจะต้องมีความเหมาะ ซึ่ง Alpinestars ก็มีรองเท้าให้เลือกมากถึง 3 รุ่น ได้แก่

 

  • Alpinestars SMX-6 V2 เป็นรองเท้าที่ออกแบบให้สามารถใช้ได้ทั้งบนนถนนและในสนามแข่งขัน มีการออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์เพื่อความเพรียวลมที่บริเวณปลายเท้าเพื่อให้สามารถควบคุมการควบคุมของรถเวลาใส่เกียร์ได้ดียิ่งขึ้น พื้นรองเท้ายางผสมพิเศษแบบใหม่ของ Alpinestars ช่วยให้สัมผัสและการยึดเกาะที่ดีขึ้น รวมถึงมีความทนทาน ซับในด้วยผ้าที่ระบายอากาศได้ดีมีการเสริมหนังกลับป้องกันการเลื่อนบริเวณส้นเท้า ช่วยให้เท้าอยู่ในตำแหน่งปกติขณะขี่ ระบบเปิด-ปิดด้านข้างตรงกลางมีซิป พร้อมแถบตีนตุ๊กแก ช่องเปิดมีขนาดใหญ่เพื่อให้เอาเท้าเข้าออกได้ง่ายขึ้น ราคา 11,800 บาท

 

  • Alpinestars SMX Plus V2 รองเท้าที่มีความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ที่มาพร้อมกับการป้องกันเท้าขั้นสูง โดดเด่นด้วย ระบบ Multi-Link Control (MLC) เอกสิทธิ์เฉพาะจะป้องกันการบิดของข้อเท้า ในขณะที่ยังให้อิสระการเคลื่อนไหว ซับในวัสดุสังเคราะห์ขั้นสูงที่ปลายเท้า เคลือบด้วยโฟมเซลล์เพื่อช่วยเรื่องการดูดซับแรงกระแทก มีระบบ Lace-Lock System สร้างขึ้นจากโพลีเมอร์เรซินขั้นสูงเพื่อรองรับการปิดล๊อกรองเท้าที่รวดเร็ว แม่นยำ และปลอดภัย ราคา 17,700 บาท

 

  • Alpinestars Supertech R คือที่สุดของรองเท้าใช้ในการแข่งขันผ่านการทดสอบในการแข่งขันระดับโลกมาแล้วทั้งหมด มีการเน้นการออกแบบเพิ่มความสบายและความทนทาน ทั้งส่วนโค้งที่ด้านหน้าและด้านหลังของรองเท้า ทั้งบริเวณส่วนบนปลายเท้าที่ใช้ในการเข้าเกียร์ ตรงหน้าแข้งมีการออกแบบให้ดูดซับแรงกระแทกได้ดีเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ พื้นรองเท้าสร้างโดยใช้ส่วนผสมยางน้ำหนักเบาเพื่อการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม ด้านในทำจากวัสดุตาข่าย 3 มิติเพื่อโครงสร้างที่แข็งแรง และช่วยในเรื่องความสบายเวลาสวมใส่ ราคา 21,600 บาท

 

 

การ์ดป้องกันหลัง

 

นอกจากชุดแข่งที่จะช่วยปกป้องร่างกายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรจะมีเสริมเข้าไปนั่นก็คือ Alpinestars Nucleon KR-Celli Protector เป็นอุปกรณ์ที่ทำขึ้นเพื่อป้องกันแผ่นหลัง ทำจากวัสดุโพลีเมอร์ผสมประสิทธิภาพสูงเพื่อความยืดหยุ่นสูงสุด ออกแบบมาเพื่อดูดซับแรงกระแทก น้ำหนักเบา อีกทั้งยังสามารถระบายกาศได้ดี ราคา 2,200 บาท

 

 

ชุด Under Suit หรือ Cool Suit

 

เมื่อใส่ชุดแข่ง หรือ Racing Suit สิ่งที่จะตามมาก็คือ ความร้อนภายในชุด หลังจากนั้นจะทำให้เหงื่อออกมาขึ้น การใส่ชุด Under Suit หรือ Cool Suit เข้าไปจะทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น สำหรับ Alpinestars มีให้เลือกทั้งแบบมาเป็นชุด หรือแบบแยกส่วนบนหรือส่วนล่าง ซึ่งมีน้ำหนักเบา มีเส้นใยดูดซับความชื้นที่สวมใส่สบายช่วยควบคุมอุณหภูมิและประสิทธิภาพร่างกายได้ทั่วถึง ความยืดหยุ่นสูงเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ขณะเดียวกันยังช่วยให้สามารถถอดหรือใส่ชุดแข่งได้อย่างไหลลื่นไม่ติดขัดอีกด้วย ราคา 4,900 บาท สำหรับมาเป็นชุด หรือแยกเป็นเสื้อ ราคา 3,300 บาท หรือจะแค่กางเกงเพียงตัวเดียวราคา 2,900 บาท

 

 

หมวกกันน็อค 

 

คือสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับนักแข่ง นอกจากนี้หมวกที่ใช้ก็จะต้องผ่านมาตรฐานด้วย เนื่องจาก กรรมการจัดการแข่งขันจะมีการตรวจสอบว่าหมวกกันน็อคใบดังกล่าวนั้นผ่านมาตรฐานหรือไม่ หากไม่ผ่านมาตรฐานก็ไม่สามารถลงแข่งขันได้ มีให้เลือกหลายยี่ห้อมาก เช่น Alpinestars AGV, KYT, Arai, Shoei, HJC, Bell, Real, Bilmola, Shark, Suomy, Nolan, X-lite หรือ MT เป็นต้น ส่วนราคามีตั้งแต่ 15,000 – 50,000 บาท

 

ชุดแข่งขันทั้งหมดนี้นักแข่งทุกคนจะต้องนำไปให้กรรมการตรวจสอบก่อนเริ่มเข้าโปรแกรมการแข่งขันทุกสนาม หากไม่นำไปให้กรรมการตรวจสอบจะไม่สามารถลงทำการแข่งขันได้ โดยสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับชุดแข่ง Alpinestars ได้เพิ่มเติมที่นี่

_Budget Join motorcycle race in thailand-1

ค่าใช้จ่ายในการร่วมแข่งขัน

 

เมื่อได้รถแข่งและชุดแข่งแล้ว ต่อไปเป็นค่าสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ต่อการไปสนามที่เข้าร่วมแข่งขันแต่ละครั้ง มีดังนี้

 

  • ค่าสมัคร อยู่ที่ประมาณ 5,000 – 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นที่สมัคร

 

  • ค่าพิทอยู่ที่ 10,000 บาท (สามารถหารกับนักแข่งท่านอื่นได้)

 

  • ค่าเดินทาง ขึ้นอยู่กับระยะทางที่เราเดินทางไป ค่าน้ำมันรถก็ตกกิโลเมตรละ 2-6 บาท

 

  • ค่าที่พัก เริ่มต้นที่คืนละ 500 บาท

 

  • ค่าช่างเซอร์วิส วันละ 1,000 – 2,000 บาท

 

  • ค่าน้ำมัน ใช้สำหรับการแข่งขันตลอดทั้ง 3 วัน ลงซ้อมแต่ละรอบ ลงคลอลิฟาย รวมถึงลงแข่ขัน ใช้น้ำมันกี่ลิตร คำนวณออกมาให้ดี และซื้อใส่แกลลอนเตรียมไว้เลย น้ำมันเบนซิน 95 ลิตรละ 45 บาท โดยประมาณ

 

 

นี่ก็เป็นค่าใช้จ่ายแต่ละสนามที่เข้าร่วมแข่งขัน ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะที่เกิดขึ้นอีกมากมายที่ไม่เกี่ยวกับการแข่งขันและไม่สามารถคำนวณได้ เช่น ค่าข้าว ค่าเครื่องดื่ม ค่าซ่อมต่างๆ หากรถเสีย หรือเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น

_Budget Join motorcycle race in thailand-2

นอกจากนี้หากไรเดอร์คนไหนต้องการที่จะลงซ้อมก่อนเข้าร่วมการแข่งขัน แต่ละสนามในประเทศไทยจะมีการจัดงานที่เรียกว่า Track Day ให้เหล่าไรเดอร์ไปซ้อมรถได้ ค่าสมัครอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 5,000 บาท ต่อครั้ง

 

และนี่ก็เป็นการประมาณการค่าใช้จ่ายหากไบค์เกอร์คนไหนอยากเป็นไรเดอร์ลงแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบในรายการ OR BRIC Superbike จะเห็นได้ว่าการทำรถลงแข่งขัน หรือแม้แต่จะทำรถไว้ลงสนามขี่เล่นในงาน Track Day ล้วนแต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะตอบแทนเรากลับมาในรูปแบบ ทักษะ ประสบการณ์ ความสนุก และการได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ถ้าหากเพื่อนๆมีโอกาสก็ลองดูสักครั้งในชีวิตก็ดีนะ

อ่านข่าว General Tips เพิ่มที่นี่


 

เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่

Website : motowish.com 

Facebook : facebook.com/motowish



ห้ามคัดลอกบทความหรือเนื้อหาในเว็บ Motowish