Home  »  General Tips   »   ขี่รถออกทริปหน้าหนาว ค่าลมยางสำคัญขนาดไหนกัน ?

ขี่รถออกทริปหน้าหนาว ค่าลมยางสำคัญขนาดไหนกัน ?

how important tyre pressure before winter road trip

ยาง คือสิ่งเดียวที่เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างรถกับพื้นถนน หากเราไม่ดูแลให้ดีแต่แรก มันก็อาจเกิดความผิดพลาดที่ถึงแก่ชีวิตของผู้ใช้รถที่คนขี่และคนซ้อน ไปจนถึงเพื่อนร่วมถนนหนทาง

 

ดังนั้น เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งการเดินทางในวันหยุดยาว สิ่งที่เราควรตรวจเช็คด้วยตนเองเกี่ยวกับ “ยาง” จึงมีทั้งในส่วนของสภาพเนื้อยาง ว่ามีการแตกลายงา หรือมีรอยถูกบาด ถูกตำใดๆ หรือไม่ ? รวมถึงสภาพดอกยางจะมีความสึกหรอจนบางลงขนาดไหน ? ถ้าถึงสะพานยางเมื่อไหร่ ก็คือควรหาเงินมาสำรองเปลี่ยนยางชุดใหม่กันได้เลย

 

ไม่เพียงเท่านั้น “แรงดันลมยาง” ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญ ที่จะเป็นตัวกำหนดว่ายางรถที่กำลังใส่อยู่ มีสถานะที่เหมาะสำหรับการใช้งานหรือไม่ ? และเกิดคำถามต่อไปว่าแล้วต้องเติมเท่าไหร่ถึงจะพอ ?

1.ต้องเติมลมเท่าไหร่ ถึงจะถูกต้องตามค่าที่กำหนดไว้จริงๆ ?

 

ก่อนอื่น ในกรณีที่คุณเป็นนักบิดมือใหม่ และยังไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับแรงดันลมยางมากนัก เราอยากให้คุณไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้ปวดหัวทั้งนั้น แล้วก้มไปหาป้ายข้อมูลแรงดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถคันนั้นๆ

 

ซึ่งปกติแล้วผู้ผลิตจะมีการแปะสติ๊กเกอร์ตารางค่าแรงดันลมยางที่เหมาะสมนี้ไว้บริเวณสวิงอาร์มด้านซ้าย ไม่ก็ในช่องเก็บของใต้เบาะนั่ง และหากคุณสังเกตกันดีๆ จะพบว่าผู้ผลิตจะมีการแปะค่าแรงดันลมยางไว้ 4 ค่า โดยแบ่งเป็น 2 ชุด ได้แก่ ชุดแรก ที่จะระบุค่าแรงดันลมยางหน้า-หลัง ในกรณีที่คุณใช้งานรถคนเดียว และ ชุดที่สอง ก็จะเป็นการระบุค่าแรงดันลมยางหน้า-หลัง ในกรณีที่คุณมีผู้ซ้อน หรือสัมภาระติดรถไปด้วย โดยคุณก็สามารถเลือกปรับตามค่าที่ระบุไว้ในสติ๊กเกอร์ได้เลย

 

เพราะค่าแรงดันลมยางที่ระบุไว้ข้างต้น คือค่าแรงดันลมยางที่ทางผู้ผลิตรถได้มีการคำนวณค่าเอาไว้แล้วว่าหากคุณใช้ยางตามไซส์ที่กำหนด แรงดันลมยางในล้อหน้า-ล้อหลังที่ระบุไว้ คือค่าที่เหมาะสมที่สุดกับน้ำหนักที่ตัวรถมี และเหมาะที่สุดสำหรับการใช้งานทั่วไป

2.การลดลมยาง เพราะหวังให้หน้ายางจะสัมผัสผิวถนนได้มากขึ้น เป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่ ?

 

ในหลายครั้งที่คุณอาจจะไปได้ยินนักบิดผู้มีประสบการณ์ ซึ่งไม่รู้ว่ามีมาก หรือรู้จริงแค่ไหนกัน มักจะบอกคุณว่าไม่ต้องไปสนใจค่าลมยางตามที่ระบุไว้อะไรทั้งนั้น และใช้ค่าต่ำๆไว้ก่อน แล้วยางจะได้สามารถสร้างแรงยึดเกาะได้ดีขึ้น

 

แต่ในหลายครั้ง หลายคนก็มักจะปล่อยลมยางเยอะจนหนืดเกินไป และทำให้ในจังหวะที่คุณต้องเปลี่ยนเลนกะทันหัน หรือเจอกับโค้งสลับบนเขาอย่างต่อเนื่อง เราจะอาจจะเลี้ยวไม่ทัน แล้วแหกโค้งออกไปแทนเพราะโครงสร้างยางไม่มีลมค้ำให้ตัวยางช่วยเลี้ยวตามทิศทางที่ควรจะไปได้

 

นอกจากนี้ แม้หน้ายางด้านข้างกางออก แต่เมื่อกางมากๆ สิ่งที่ตามมาคือหน้ายางตรงกลางจะโก่งขึ้นแทน และกลายเป็นผลร้ายมากกว่าจะเป็นผลดี เพราะพื้นที่สำหรับการสร้างแรงยึดเกาะที่ควรมีตรงกลางดันหายไป และด้วยปริมาตรลมในยางที่น้อยเกินไป อากาศภายในยางยังมีโอกาสที่จะเกิดขยายตัวขณะใช้งานค่อนข้างสูง และทำให้เกิดความร้อนสะสมตามมาได้ง่าย และทำให้โครงสร้างยางด้านในเสียหาย จนเกิดการแยกชั้นกับเนื้อยาง และทำให้เกิดการบวม ซึ่งเสี่ยงต่อการระเบิดในท้ายที่สุด

นอกจากนี้ ขณะที่หลายคนมักมีการมโนค่าแรงดันลมยางสนาม มาใช้งานวิ่งยางถนนแบบผิดๆ หากเราลองไปดูค่าแรงดันลมยางถนนที่ผู้ผลิตแนะนำไว้จริงๆ แม้แต่การใช้งานในสนามแข่งขัน ก็ยังไม่ได้ต่ำขนาดนั้นอย่างที่หลายคนคิด

 

ยกตัวอย่างเช่น ค่าแรงดันลมยางรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Battlax Hypersport ของ Bridgestone ที่เป็นยางสปอร์ตสำหรับการใช้งานบนถนน ซึ่งในปัจจุบันก็มีให้เลือก 3 รุ่นหลักๆด้วยกัน ทั้ง

 

  • BATTLAX Hypersport S21 สำหรับผู้ที่ต้องการยางสปอร์ต สามารถใช้งานได้ทุกวัน มาพร้อมกับโครงสร้างที่แข็งแรง และเนื้อยางที่เน้นความทนทานใช้งานได้ยาวนาน

 

  • BATTLAX Hypersport S22 สำหรับผู้ที่ต้องการยางสปอร์ตแบบเน้นการหวดหนักบนถนนทั้งทางตรงและทางโค้ง มาพร้อมกับเนื้อยางที่ถูกปรับใหม่มีความนุ่ม และมีหลายคอมพาวน์ เพื่อรักษาคุณสมบัติด้านความทนทาน และยังสามารถสร้างแรงยึดเกาะขณะทิ้งโค้งได้ดี รวมถึงยังมีร่องดอกยางที่ออกแบบมาเพื่อการวิ่งฝ่าฝนได้ดีอีกด้วย

 

  • BATTLAX Hypersport S23 ยางสปอร์ตรุ่นใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือนกับรุ่นอัพเกรดจาก S22 ขึ้นมาอีกขั้น ทั้งในเรื่องของลายดอกยาง ที่ทั้งสามารถรีดน้ำได้ดี โดยที่หน้ายางก็ยังมีพื้นที่สัมผัสเหลือเฟือด้วยลวดลายที่หยิบยืมมาจากยางแทร็คเดย์ BATTLAX Racing R11 และยังมีเนื้อยางที่ให้คอมพาน์หลากหลายมากกว่า เพื่อการสร้างสมดุลระหว่างความทนทานและการยึดเกาะได้อย่างเหมาะสมในทุกองศาการเอียง

ซึ่งยางทั้งหมดนี้ ทาง Bridgestone ก็จะมีการทำตารางค่าแรงดันที่เหมาะสมสำหรับยางรุ่นนั้นๆ ไซส์นั้นๆ เอาไว้อย่างชัดเจน เช่น ในกรณีของ ยาง Battlax Supersport S21 หากเป็นยางหน้าขนาด 120/70-17 ก็จะต้องใช้แรงดันลมยางที่ 2.1 บาร์ หรือราวๆ 30.5 PSI ส่วนหากเป็นยางหลังขนาด 180/55-17 ไปจนถึงยางขนาด 190/55-17 ก็จะต้องใช้แรงดันลมยางที่ 1.9 บาร์ หรือราวๆ 27.5 PSI

 

ส่วนยาง Battlax Supersport S22 และ S23 ที่เปรียบเสมือนรุ่นที่ต่อยอดกันมา ก็จะใช้ค่าแรงดันลมยางเท่าๆกัน เช่นในกรณียางหน้า ขนาด 120/70-17 ก็จะมีค่าแรงดันลมยางแนะนำที่ 2.0-2.3 บาร์ หรือราวๆ 30-33 PSI ส่วนกรณียางหลัง ขนาด 180/55-17 ไปจนถึงยางขนาด 190/55-17 ก็จะต้องใช้แรงดันลมยางที่ 1.8 บาร์ หรือราวๆ 26 PSI

 

ซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวเลขแรงดันลมยางแต่ละค่านั้น ไม่ได้ต่ำอย่างที่ใครหลายคนคิดเลย แม้ว่านี่จะเป็นค่าที่ผู้ผลิตเป็นคนระบุไว้เองก็ตาม

 

และ เนื่องจากค่าแรงดันลมยางที่ระบุไว้ข้างต้น คือค่าที่ทาง Bridgestone ระบุไว้สำหรับการใช้งานในสนามแข่งขันเท่านั้น หากคุณต้องใช้งานรถในชีวิตประจำวัน ทางผู้ผลิตยาง ก็ได้มีการย้ำเพิ่มอีกเช่นกันว่า คุณควรที่จะเติมลมตามค่ามาตรฐานที่ผู้ผลิตรถเป็นคนระบุไว้ บนสวิงอาร์ม หรือใต้เบาะนั่ง เพราะนั่นคือค่าที่เป็นกลางมากที่สุด และเหมาะสมจะนำมาใช้งานบนถนนสาธารณะจริงๆมากที่สุดอยู่ดี

3.อุณหภูมิตอนเติมลมยาง มีผลมากแค่ไหน ?

 

ย้อนไปก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เราได้เคยทำบทความเกี่ยวกับเรื่องของความแตกต่างของแรงดันลมยางตอนที่ยางร้อน และตอนที่ยางเย็นเอาไว้โดยละเอียดแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งคุณสามารถคลิกเข้าไปอ่านกันได้ที่ลิ้งค์ตรงนี้

 

หรือหากคุณยังไม่ได้มีเวลามากนัก เพราะที่เราเขียนไว้ในบทความข้างต้นนั้นมีเนื้อหาค่อนข้างละเอียดและยาว

 

เราก็คงต้องบอกว่า อันที่จริงค่าแรงดันลมยางที่เปลี่ยนไปสำหรับยางถนน ระหว่างตอนที่รถยังไม่ทันได้วิ่ง กับตอนที่ยางอยู่ในสภาพพร้อมหวดแล้ว จะมีค่าต่างกันราวๆ 1-6 ปอนด์เท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีแรงดันลมยางตั้งต้นตอนยางเย็นมากน้อยแค่ไหน

 

ซึ่งหากคุณรู้สึกว่าลมยางที่มีนั้นน้อยเกินไป โดยสังเกตได้จากอาการของรถที่เลี้ยวยาก เร่งอืดผิดปกติ แล้วต้องเติมลมยางตามปั๊มน้ำมันหลังจากที่รถวิ่งไปสักพักใหญ่จนยางร้อนได้ที่จริงๆ

 

สิ่งที่คุณควรทำจึงอาจจะเป็นการนั่งจิบกาแฟรอให้ยางเย็นลง แล้วค่อยเติมตามค่าที่กำหนด หรือถ้าต้องไปต่อเลยจริงๆ ก็ใช้วิธีการเติมลมเผื่อจากค่าที่ผู้ผลิตกำหนดไว้สัก 2-3 ปอนด์ เพื่อชดเชยการขยายตัวของแรงดันลมยางตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นแทนก็ได้

 

เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ใช้รถซึ่งมีค่าแรงดันลมยางที่เหมาะสม ไม่ต่ำเกินไปจนเสี่ยงอันตราย แต่ก็ไม่เยอะเกินไปจนแข็งกระด้าง และสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวลใจเรื่องยางอีกต่อไปแล้ว เว้นแต่จะมีเหตุสุดวิสัยอื่นๆเกิดขึ้นเพราะดวงถึงจุดซวยจริงๆ

และสำหรับใครที่กำลังหายางสักชุดเพื่อการเดินทางไกลในช่วงวันหยุดปีใหม่

 

ยาง Bridgestone จากประเทศญี่ปุ่น ก็คืออีกตัวเลือกหนึ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะกับยางในตระกูล Battlax Hypersport ที่เกิดมาเพื่อการใช้งานบนท้องถนน แต่ก็ยังพร้อมจะพาทุกคนไปเล่นโค้งได้อย่างมั่นใจ

 

โดยมีให้เลือกทั้งแบบที่เหมาะสำหรับการขี่ท่องเที่ยวอย่างสบายใจ ในรุ่น Battlax Hypersport S21 ต่อด้วยรุ่นที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและการซิ่งได้ทั้งวันยันแทร็คเดย์ก็ยังไหวอย่าง Battlax Hypersport S22 หรือจะเป็นรุ่นใหม่ที่ใส่เต็มเทคโนโลยีและความทนทานที่มากขึ้น โดยยังคงได้ความหนึบที่มากกว่าอย่าง Battlax Hypersport S23

 

ซึ่งยางทั้ง 3 รุ่นนั้น เพื่อนๆสามารถสอบถามข้อมูลกับตัวแทนจำหน่ายที่มีครอบคลุมทั่วประเทศอีกด้วยได้ที่นี่ และยังสามารถติดตามข่าวสารโปรโมชั่นเด็ดๆ ได้ที่ Official Facebook Fanpage ของ Bridgestone Moto Thailand กันได้เลยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

Source Cr.: Bridgestone

อ่านข่าว General Tips เพิ่มที่นี่

อ่านข่าว Bridgestone เพิ่มที่นี่


 

เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่

Website : motowish.com 

Facebook : facebook.com/motowish



ห้ามคัดลอกบทความหรือเนื้อหาในเว็บ Motowish