Home  »  General Tips   »   กันสะบัด คืออะไร ? ทำไมถึงควรเอาไว้ใช้แค่ “กันสะบัด” ?

กันสะบัด คืออะไร ? ทำไมถึงควรเอาไว้ใช้แค่ “กันสะบัด” ?

steering damper

“กันสะบัด” คือหนึ่งในของแต่งชิ้นสำคัญ ที่หลายคนมักเลือกซื้อเป็นอย่างแรกๆ โดยมีเหตุผลทั้งในเรื่องความหล่อ และความปลอดภัย แต่มันทำงานยังไง แล้วช่วยได้จริงมั้ย? และควรติดตั้งยังไงได้บ้าง ?

 

เข้าใจก่อนว่าทำไม “รถถึงสะบัด” ?

อาการรถสะบัด เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่โดยหลักแล้ว มักเกิดจากการที่ล้อหน้ากำลังวิ่งไปบนพื้นถนนที่มีแรงเสียดทานระหว่างหน้าสัมผัสด้านซ้ายและด้านขวาของยางไม่สม่ำเสมอกันอย่างกระทันหัน ทำให้ยางเกิดการแฉลบไปด้านใดด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว

 

หรืออีกกรณีคือพื้นถนน อาจมีความไม่สม่ำเสมอ สูง-ต่ำในด้านซ้าย-ขวาไม่เท่ากัน, ล้อหน้าเกิดลอยตัวขณะเปิดคันเร่งหนักๆ แล้วจังหวะกลับลงไปสัมผัสพื้นอีกครั้ง ล้อยังหักหรือไม่ได้หันไปในทิศทางเดียวกับที่รถกำลังเคลื่อนที่

 

ทั้งหมดล้วนทำให้ล้อหน้ารถเกิดอาการแฉลบไป-มา ได้ทั้งสิ้น

รีวิว Kawasaki Ninja H2 Trick Star : 258 แรงม้า ขีดสุดของความแรง คันแรกของเมืองไทย Full HD | MOTOWISH 11

ประเด็นก็คือ โดยปกติแล้ว ทางผู้ผลิตมักออกแบบให้ล้อหน้า สามารถกลับมาตั้งตรงกับแนวรถได้เอง เมื่อรถกำลังเคลื่อนที่ไปทางด้านหน้า เพื่อให้รถมีความนิ่ง สำหรับการวิ่งบนทางตรง (ส่วนทำได้ยังไง ขอยกไว้ในบทความหน้าๆเมื่อมีโอกาส)

 

นั่นจึงทำให้หากล้อเกิดแฉลบขึ้นมา ล้อหน้าก็จะพยายามกลับมาตั้งตรงเองโดยอัตโนมัติ

 

ปัญหาก็คือ ในความพยายามกลับมาตั้งตรงอีกครั้งของล้อหน้า บางครั้งก็อาจจะมีแรงเหวี่ยงกลับมามากเกินไป จนทำให้แทนที่ล้อหน้าจะกลับมาตั้งตรงในแนวที่ควรจะเป็น กลายเป็นเลยไปอีกฝั่งแทน และก็เป็นเช่นนั้นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งนั่นก็คืออาการสะบัดที่เกิดขึ้น

 

ส่วนความแรงในการสะบัด จะเพิ่มหรือจะลดลงก็ขึ้นอยู่กับตัวแปรอื่นๆ เช่น ความเร็วของรถ สภาพพื้นผิวถนน หรือแม้แต่แรงประคองจากมือของผู้ขี่เองก็เช่นกัน โดยในหลายครั้งก็มักจะส่งแรง หรือพยายามยื้อมากเกินไป จนแทนที่จะทำให้หน้ารถนิ่งกว่าเดิม กลับกลายเป็นยิ่งเสริมให้มันยิ่งสะบัดมากขึ้นไปอีก

steering damper

กันสะบัด มีประโยชน์อะไร ? ทำงานยังไง ?

เพื่อแก้ปัญหาขั้นต้นแบบแก้ด้วยปลายเหตุ “กันสะบัด” จึงถูกสร้างขึ้นมา ให้เป็นตัวคอยคุมจังหวะและความเร็วในการหักเลี้ยวของชุดบังคับเลี้ยวหน้าทั้งหมด ตั้งแต่แผงคอ, โช้กหน้า, และชุดล้อ ไม่ให้มีความปุบปับในการหักซ้าย-ขวามากจนเกินไป แล้วทำให้รถเสียการทรงตัวจนเกิดอุบัติเหตุหนักตามมา และใช่ครับ หน้าที่ของมันก็มีแค่นั้นจริงๆ

 

โดยหลักการทำงานของอุปกรณ์ชิ้นนี้ ก็จะคล้ายๆกับโช้คอัพ ที่คอยคุมความเร็วในการยืดยุบของสปริง เพราะภายในเรือนกันสะบัด ก็จะมีห้องเก็บน้ำมันอยู่อย่างน้อย 2 ห้อง โดยที่ตัวแกนซึ่งเราเห็นว่าสามารถรูดไปๆมาๆกับเรือนกันสะบัด จะมีลูกสูบอยู่ตรงกลาง ทำหน้าที่เป็นวาล์วคุมการไหลไปมาของน้ำมัน จนทำให้มีแรงต้าน และความหน่วงในระดับที่เหมาะสม เพื่อคุมความหนืด หรือความลื่นในการหักเลี้ยวชุดแผงคอรถ คล้ายๆกับที่โช้คคอยคุมความเร็วของการยืดตัวและยุบตัวของสปริง

 

ดังนั้น หากจู่ๆ ล้อรถ และชุดบังคับเลี้ยวหน้าทั้งหมด เกิดมีอาการเริ่มสะบัดขึ้นมา และยังมีทีท่าว่าจะเริ่มสะบัดแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวกันสะบัดก็จะอาศัยตัวคุมอัตราการไหลของน้ำมันในเรือนกันสะบัด ให้คอยหน่วงจังหวะการสะบัดของชุดบังคับเลี้ยวล้อหน้าทั้งหมดเอาไว้ ไม่ให้สะบัดไปมาแรงเกินไป และค่อยๆกลับมาอยู่ในจุดที่สมดุลอีกครั้ง และทำให้ผู้ขี่สามารถกลับมาควบคุมรถได้อีกครา

แล้วในเมื่อกันสะบัดมีกลไก และหลักการทำงานคล้ายโช้ค มันใช้แทนกัน หรือทำงานด้วยกันได้มั้ย ?

 

อาจจะจริงอยู่ว่า ลักษณะกลไกภายในของกันสะบัด ใช้หลักการทำงานที่คล้ายกับโช้คอัพ แต่ด้วยขนาดและจำนวน รูวาล์วที่เล็กกว่า น้อยกว่ามาก และไส้ไนของตัวกันสะบัด ก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับการขยับตัวไปมาด้วยความเร็วสูง และต่อเนื่องเหมือนตัวโช้คอัพ

 

ดังนั้น แทนที่มันจะช่วยเพิ่มความหนืดในการยืดยุบของระบบกันสะเทือน แบบเสริมการทำงานจากโช้คอัพอีกที อย่างที่คุณ(บางคน)คาดหวัง มันกลับจะยิ่งเกิดแรงต้านสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจทำให้ตัวกันสะบัดมีอาการรั่ว เพื่อตัวเรือนและซีลของมัน ไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับแรงดันสูงๆ และต่อเนื่องภายในเรือนกันสะบัดขนาดนั้น

 

หรือหากกันสะบัดที่ใหญ่อยู่เป็นของดีมากๆ ไม่มีอาการรั่วให้เห็นง่ายๆ แต่ด้วยการสะสมแรงต้านการไหลของน้ำมันภายในที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง มันก็จะไม่สามารถขยับตัวได้อีก และทำให้ตัวระบบกันสะเทือนหลังอาจจะไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ชั่วขณะตามเช่นกัน จนรถเสียการทรงตัวและเกิดอุบัติเหตุตามมาในท้ายที่สุด

รีวิว Kawasaki Ninja H2 Trick Star : 258 แรงม้า ขีดสุดของความแรง คันแรกของเมืองไทย Full HD | MOTOWISH 50

จากทั้งหมดที่ไล่เรียงมา กันสะบัด จึงถือว่าเป็นของแต่งรถอีกหนึ่งสิ่ง ที่หากมีติดรถไว้ ก็จะช่วยให้คุณสามารถใช้งานรถได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่การจะใช้งานมัน ตัวผู้ใช้เองก็ต้องศึกษาและปรับเซ็ทมันให้เป็น เพราะไม่เช่นนั้น มันก็อาจจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี

 

อย่างเช่นในกรณีที่บางคนอยากให้กันสะบัดมีความหนืดมากๆเพื่อหวังให้มันช่วยทำให้หน้ารถนิ่งที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่กลายเป็นว่ามันยิ่งทำให้หน้ารถมีอาการขืน เลี้ยวยาก จนหักหลบสิ่งกีดขวางไม่ทัน เป็นต้น

 

หากถามต่อว่าแล้วมันคือของที่อยู่ในหมวด “จำเป็นต้องมีหรือไม่ ?” คำตอบในมุมของเราก็คงต้องบอกว่า “ไม่จำเป็น” เพราะมันขึ้นอยู่กับโจทย์การใช้งาน และสมรรถนะรถของตัวคุณเอง

รีวิว Kawasaki Ninja H2 Trick Star : 258 แรงม้า ขีดสุดของความแรง คันแรกของเมืองไทย Full HD | MOTOWISH 22

เพราะอาจจะจริงอยู่ว่าต่อให้เป็นรถเล็กพิกัด 125cc-500cc ก็สามารถเกิดอาการสะบัดได้ แต่หากรถคุณยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ศูนย์ตรง ยางไม่ศึกหรือเสื่อม และความเร็วที่ใช้งานไม่ได้สูงมากนัก โอกาสที่รถจะเกิดอาการสะบัดขึ้นมา จะมีน้อยมากๆ และการแก้อาการด้วยตัวเองก็ไม่ได้ยากมากนัก หรือการจะคุมรถไม่ให้เกิดอาการนี้ขึ้นมาง่าย ก็ยังสามารถทำด้วยตัวคุณเองอย่างไม่ยากเย็นเช่นกัน

 

แต่หากคุณขี่รถที่มีสมรรถนะสูง มีความเร็วสูง และใช้งานในสนาม หรือเอาให้เข้าใจง่ายกว่าเดิมคือ สามารถเรียกอัตราเร่งแรงๆจนล้อหน้าเผลอลอยขึ้นง่ายๆ งานนี้การมีกันสะบัดติดรถไว้สักตัวก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรมี โดยเฉพาะกับรถมอเตอร์ไซค์ในพิกัด 600cc-900cc ที่มักไม่ได้มีกันสะบัดติดมาให้ตั้งแต่ออกโรงงาน

 

สิ่งควรรู้สุดท้าย คือ กันสะบัดควรมีไว้เพื่อใช้ทำหน้าที่ กันล้อหน้าสะบัด ในแบบที่มันควรจะเป็นเท่านั้น อย่าใช้มันผิดจุดประสงค์ที่ถูกออกแบบมา เพราะผลเสียของมันอาจร้ายแรงถึงแก่ชีวิตของคุณกันเลยทีเดียว

Source Cr.: Motorcyclist Magazine, Topspeed.com

อ่านข่าว General Tips เพิ่มที่นี่

อ่านข่าว Steering Damper เพิ่มที่นี่


 

เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่

Website : motowish.com 

Facebook : facebook.com/motowish



ห้ามคัดลอกบทความหรือเนื้อหาในเว็บ Motowish