จริงหรือไม่! MotoGP ในไทย ไม่คุ้ม ไม่มีคนดู ไม่มีผู้สนับสนุน!! ทำไมต้องต่อสัญญาอีก 5 ปี

คำถามเหล่านี้ถูกตั้งข้อสงสัยไว้มากมายตั้งแต่มีประเด็นการต่อสัญญา MotoGP ในประเทศไทย บ้างก็ว่า จะจัดต่อทำไม? ได้ไม่คุ้มเสีย? ยังมีคนดูอยู่เหรอ? เอกชนไม่สนับสนุนแล้วใช่มั้ย ต้องมาเอาจากรัฐบาล?
คำถามเหล่านี้หาคำตอบได้ไม่ยาก และยิ่งเป็นคำตอบด้านตัวเลขที่แสดงให้เห็นโดยหน่วยงานของภาครัฐ โดย “การกีฬาแห่งประเทศไทย” เผยข้อมูลของโมโตจีพีตั้งแต่สัญญาแรกจนถึงปัจจุบัน และเพื่อเป็นการไขคำตอบเกี่ยวกับการจัดและการต่อสัญญา โมโตจีพี สนามประเทศไทย พร้อมตัวเลขมูลค่าทางเศรษฐกิจ และผลตอบแทนที่ประเทศไทยได้รับ มีอะไรบ้างไปดูกัน

1. เงิน 3,997 ล้านบาท ถูกจ่ายไปที่ใคร?
อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่า “ดอร์น่า สปอร์ต” เจ้าของลิขสิทธิ์ มีนโยบายการทำสัญญากับภาครัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐบาลประเทศนั้นๆ โดยตรงเท่านั้น เพื่อให้การจัดการแข่งขันเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ
ดังนั้นในประเทศไทย “การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)” ในฐานะหน่วยงานรัฐ จึงเป็นคู่สัญญาโดยตรงแต่เพียงผู้เดียวกับ ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ MotoGP ทั่วโลก
ด้านค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดจะถูกทยอยขออนุมัติงบประมาณเป็นรายปี และจ่ายไปที่ ดอร์น่า สปอร์ต ตรงเท่านั้น ไม่มีการผ่านคนกลางหรือตกไปที่เอกชนรายอื่น ด้านค่าตั๋วเข้าชมหรือเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน ในส่วนนี้จะถูกนำส่ง ตรงไปที่ กกท. ด้วยเช่นกัน เพื่อใช้สมทบและลดภาระงบประมาณภาครัฐอีกส่วนหนึ่ง

2. ค่าลิขสิทธิ์แพงขึ้นกว่าเดิมมาก เจรจากันดียัง ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศหรือไม่?
ข้อเท็จจริงของสัญญาคือ ค่าลิขสิทธิ์ในแต่ละรอบสัญญามีการเพิ่มขึ้นทุกประเทศและค่าลิขสิทธิ์ประเทศไทยที่ได้รับนั้นถือว่า ต่ำกว่าประเทศอื่น โดยเจ้าภาพหลัก “การกีฬาแห่งประเทศไทย” ได้เจราจาขอต่อรองค่าลิขสิทธิ์การแข่งขันในอัตราเท่าเดิม แต่มีปัจจัยหลายด้านที่ทำให้ค่าลิขสิทธิ์สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น
ในแต่ละปี มีการแข่งขันจากผู้เสนอตัวเป็นประเทศเจ้าภาพรายใหม่เพิ่มขึ้นหลายราย อย่างที่เรารู้ว่าหลายๆ ประเทศมีการทำสนามแห่งใหม่ และก็มีความพร้อมที่จะยื่นเสนอตัวให้มาจัดที่ประเทศเขา เพราะเห็นว่าการดึงงานระดับโลกเข้าประเทศได้ เป็นช่องทางการนำเสนอประเทศ และสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว
ถัดมาคือการพัฒนาของ “ดอร์น่า สปอร์ต” ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ หรือการจัดการแข่งขัน แต่ก่อนจะมีการแข่งขันในวันแข่งจริงเพียงวันเดียว แต่สัญญาใหม่ จะมีการแข่งขัน 2 วัน คือ วันแข่ง Sprint Race (วันเสาร์) และวันที่แข่งจริง (Race Day) (วันอาทิตย์) สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้มีผู้ชมสนใจ ดึงคนเข้าร่วมได้มากขึ้น ถือเป็นการสร้างมูลค่าให้กับการแข่งขันได้สูงขึ้น
เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ การปรับราคาเกิดขึ้นกับทุกประเทศ รวมถึงมีคู่แข่งเสนอตัวมากขึ้น ประเทศไทยที่สามารถเจรจาได้ในอัตราที่ได้เปรียบกว่าประเทศอื่น การเจรจานี้จึงเป็นการปกป้องผลประโยชน์ให้ได้ดีที่สุด

3. งบโมโตจีพีสำคัญกว่าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม?
หากจะดูงบประมาณทั้งสองส่วนนี้ ต้องดูจากวัตถุประสงค์ของการใช้งบประมาณในด้านต่างๆ ซึ่งงบประมาณทั้งสองส่วนนี้ “เป็นคนละส่วนกัน” ภาครัฐมีการจัดสรรงบทางกีฬา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ซึ่งการนำวงเงินนี้มาผูกกันอาจไม่ถูกต้องนัก
การจัดสรรงบประมาณแผ่นดินของไทย ด้านงบประมาณกิจกรรมส่งเสริมกีฬาและการเป็นเจ้าภาพระดับโลก จะถูกจัดสรรในส่วนของ “รายจ่ายของส่วนราชการ” (การกีฬาแห่งประเทศไทย) ซึ่งมีกรอบวงเงินและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนตามยุทธศาสตร์ของประเทศ
ขณะที่งบประมาณสำหรับช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จะมาจาก “งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น” ซึ่งเป็นงบฉุกเฉินที่รัฐบาลบริหารจัดการเพื่อบรรเทาสาธารณภัยโดยเฉพาะ
ดังนั้นจะเห็นว่างบประมาณทั้งสองส่วน ถูกแยกและมีวัตถุประสงค์ในการใช้ต่างกันอย่างชัดเจน โดยการขออนุมัติกรอบวงเงิน 4,000 ล้านบาท สำหรับสัญญาปี 2570-2574 นั้น ไม่ได้กระทบต่องบประมาณที่รัฐบาลใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในปัจจุบัน

4. รีบเร่งต่อสัญญาเกินไปมั้ย?
หากดูจากระยะสัญญาเดิม (ปี 2565-2569) และข้อกำหนดของการต่อสัญญา ก็เป็นไปตามกระบวนการ โดยสัญญาเดิมจะสิ้นสุดลงในปี 2569 หรือ 2026 และ “ดอร์น่า สปอร์ต” กำหนดให้คู่สัญญาเดิมต้องแจ้งความประสงค์ต่อสัญญาล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งภายในปี 2568 หรือ 2025 เป็นปีที่ถึงเวลาต้องแจ้งความประสงค์ของสัญญาใหม่
ข้อจำกัดด้านเวลาที่ไม่สามารถดึงได้ รวมถึงมีหลายประเทศรอเสนอตัวยื่นเป็นเจ้าภาพแทนประเทศไทย การเจรจาและการดำเนินการนี้จึงเป็นเวลาที่จำเป็นต้องตัดสินใจให้ทันต่อสถานการณ์ เพื่อไม่ให้ประเทศไม่เสียสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับโลก ที่ประเมินว่าจะสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนรวมกว่า 28,000 ล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า
ฉะนั้นการเทียบความคุ้มค่าของค่าลิขสิทธิ์มูลค่า 3,997 ล้านบาทในสัญญาฉบับใหม่ กับตัวเลขประมาณการณ์การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่จะเพิ่มขึ้นอีก 28,000 ล้านบาท เมื่อบวก ลบ คูณ หาร แล้วก็เป็นตัวเลขที่คุ้มค่าและสร้างผลตอบแทนมากขึ้นจากการจัดอีเวนต์ระดับโลกนี้

5. ผู้ชมเข้าน้อยลงทุกปี จะยังคุ้มค่าอยู่มั้ย?
จากสถิติยอดผู้ชม มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2561 ปีแรกของการจัดแข่งขัน ประเทศไทยได้รับรางวัล Best Grand Prix of the Year มียอดผู้ชมสูงสุดในฤดูกาล 222,535 คน และในปี 2562 เพิ่มเป็น 226,655 คน ส่วนในช่วงปี 2565 มียอดผู้ชมลดลงที่ 178,463 คน เป็นผลมาจากช่วงโควิด ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข มีมาตรการป้องกันโควิด-19 โดยการจำกัดจำนวนผู้เข้าชม แต่จากนั้น ยอดผู้ชมก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ด้านความคุ้มค่าด้านเศรษฐกิจ ประเทศไทยมีการจัดแข่งขันโมโตจีพีมาแล้วถึง 8 ปี (2561-2568) โดยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากถึง 24,927 ล้านบาท และสัญญาใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีก 5 ปี (2570-2574) ได้รับการประมาณการณ์ว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก 28,000 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าตัวเลขที่ระบุนี้ยังไม่มีอีเว้นต์ใดที่จัดขึ้นในประเทศไทยสามารถทำได้

6. จริงมั้ย? เอกชนลดการสนับสนุน ทำให้รัฐต้องแบกภาระเกินไป
โดยส่วนมากหลายประเทศที่เป็นเจ้าภาพการจัด MotoGP รัฐบาลมักจะเป็นผู้รับค่าสิขสิทธิ์แล้วแต่ว่าจะเต็มจำนวน หรือเกือบทั้งหมด เพราะสิ่งนี้คืออีเวนต์ที่จะฉายภาพให้กับประเทศผู้จัด ไม่ว่าจะเป็นภาคการท่องเที่ยว หรือการกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างรวดเร็วภายในรยะเวลาเพียงสัปดาห์
โดยตลอดสัญญาที่ผ่านมา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้ระดมทุนจากภาคเอกชนรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงาน ยานยนต์ เครื่องดื่ม เข้ามาสนับสนุนการจัดแข่งขัน ซึ่งเป็นการลดภาระของรัฐบาล ทำให้มีการพึ่งพางบประมาณจากภาครัฐในสัดส่วนที่น้อย
สำหรับช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา หรือปัญหาเศรษฐกิจซบเซาในปัจจุบัน ส่งผลให้เอกชนบางรายต้องลดหรือหยุดการสนับสนุนไปชั่วคราว ทางภาครัฐอย่าง กกท. ยังมีแผนเดินหน้าหาเงินสนับสนุน และรายได้จากการจำหน่ายบัตร เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายและยืนยันการเป็นเจ้าภาพต่อ
โดยในสัญญาใหม่ (2570-2574) มีแผนการตั้งเป้าระดมเงินสนับสนุนจากเอกชนกว่า 700 ล้านบาท เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้ามาบริหารจัดการและคุ้มค่าต่อการใช้งบประมาณจัดงาน

7. รายได้จากการแข่งขันไปอยู่กับเอกชน? จัดที่อื่นได้ไหม ทำไมต้องที่บุรีรัมย์?
สิ่งที่อาจจะทำให้คิดได้ไวๆ จากการเห็นว่าไปจัดที่บุรีรัมย์เลยคือ สนามต้องได้เงินค่าเช่าแน่ๆ ซึ่งจากข้อมูลระบุว่า “สนามช้างฯ ได้ให้การสนับสนุน กกท. โดย อนุญาตให้ใช้สนามแข่งฟรีโดยไม่คิดค่าเช่า” โดยปกติแล้ว ค่าเช่าสนามจะมีมูลค่าถึง 12 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากต้องใช้เตรียมการจัดการแข่งขันและวันแข่งจริงประมาณ 30 วัน หากคำนวนรวม 6 ปี ที่รัฐไม่ต้องจ่ายค่าเช่า เป็นมูลค่าถึง 72 ล้านบาท
อีกอย่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ไม่ได้มีสัญญาจ้างกับบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด (เจ้าของสนามช้างฯ) ตามที่เป็นข่าว ในส่วนนี้ก็ถือว่าสนามบุรีรัมย์ ไม่ได้รับรายได้จากการแข่งขันด้วย
หากไม่จัดที่สนามบุรีรัมย์ จะจัดที่อื่นได้มั้ย? ตอบเลยว่า หากต้องการจัด MotoGP ในตอนนี้จัดที่อื่น “ไม่ได้” เพราะในประเทศไทยมีสนามบุรีรัมย์ เพียงสนามเดียว ที่เป็นสนามระดับ FIM GRADE A ที่รองรับการจัดแข่ง MotoGP ได้ สนามอื่นๆ ในประเทศไทยยังไม่รองรับตามมาตรฐานที่ทาง “ดอร์น่า” กำหนดไว้

8. การจัดเอื้อประโยชน์กับเจ้าของสนามแข่งมั้ย?
เรื่องของสนามตามข้อกำหนดของ “ดอร์น่า” คงไม่อาจเปลี่ยนไปใช้สนามอื่นได้ เพราะไม่รองรับมาตรฐานการแข่งขันระดับ FIM GRADE A และทางสนามอนุญาตให้ใช้ฟรีโดยไม่คิดค่าเช่า สำหรับการใช้จ่ายโดยภาพรวม ไม่ว่าจะเป็นรายได้ และค่าใช้จ่าย จะถูกบริหารจัดการโดย กกท.
ด้านรายได้หลักจากการจัดแข่งขันไม่ว่าจะเป็น การจำหน่ายบัตรเข้าชม และเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน จะส่งเข้าสู่ กกท. โดยตรง เพื่อนำไปบริหารหักลบกับค่าลิขสิทธิ์ต้องจ่ายให้กับ ดอร์น่า สปอร์ต เป็นการลดภาระงบประมาณที่ขอการสนับสนุนจากภาครัฐให้น้อยที่สุด โดยกระบวนการเหล่านี้จึงเป็นการบริหารจัดการที่เน้นผลประโยชน์ของรัฐเป็นสำคัญ

9. MotoGP ถูกสนับสนุนมาทุกรัฐบาล
ด้วยข้อกำหนดของ “ดอร์น่า สปอร์ต” มีนโยบายทำสัญญากับภาครัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐบาลประเทศนั้นๆ โดยตรงเท่านั้น เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ การสนับสนุนของรัฐบาลนั้นจึงเป็นรากฐานสำคัญ เพราะการจัดแข่งขันอีเวนต์ระดับโลก ภาพใหญ่ที่ได้รับเต็มๆ ก็เป็นภาพของประเทศที่ได้สิทธิ์การจัดแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงประเทศ การถ่ายทอดเรื่องราวของประเทศ การท่องเที่ยว เศรษฐกิจภาพใหญ่ และภาพย่อยที่หมุนเวียนตามๆกันมา ที่ได้รับประโยชน์ในครั้งนี้
การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน MotoGP ได้รับการสานต่อและสนับสนุนจากรัฐบาลทุกชุดมาโดยตลอด หากย้อนกลับไปตั้งแต่สัญญาแรก ประเทศไทยได้อะไรบ้าง?
สัญญาที่ 1: ปี 2561 – 2563
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (รมว. กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร) ครม. เห็นชอบสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์สมทบปีละ 100 ล้านบาท รวม 3 ปี เป็น 300 ล้านบาท
ผลการดำเนินงาน: กกท. ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน และรายได้รวม 528 ล้านบาท (ใน 2 ปี) จากพันธมิตรรายใหญ่ 12 ราย/แหล่ง
ความสำเร็จ: ได้รับรางวัล Best Grand Prix of The Year ในปี 2561 และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 2 ปี (2561-2562) ได้ถึง 6,584 ล้านบาท (จัดได้เพียง 2 ปี เนื่องจากโรคระบาด Covid-19)

สัญญาที่ 2: ปี 2565 – 2569 (เลื่อนจาก 2564-2568)
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (รมว. พิพัฒน์ รัชกิจประการ) ครม. เห็นชอบกรอบวงเงินเพื่อสมทบค่าลิขสิทธิ์ 900 ล้านบาท โดยเน้นให้นำรายได้จากภาคเอกชนมาสมทบก่อน
ผลการดำเนินงาน: ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนกว่า 770 ล้านบาท และจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 800 ล้านบาท
ผลตอบแทน: สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจรวม 6 ปี (2561 – 2568) กว่า 24,927 ล้านบาท และยังประหยัดค่าเช่าสนามได้ถึง 72 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาสัญญา จากการใช้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ฟรี
สัญญาที่ 3: ปี 2570 – 2574 (ล่าสุด)
สมัยรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล เห็นชอบการต่อสัญญาระยะยาว 5 ปี (2570 – 2574) อนุมัติกรอบงบประมาณ 3,997.86 ล้านบาท เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากสัญญาเดิม รักษาความเป็นศูนย์กลางมอเตอร์สปอร์ตในภูมิภาคอาเซียน และความคุ้มค่าด้านการสนับสนุนเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับ
การจัดงาน MotoGP แต่ละครั้ง สร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้สูง 4,000 – 5,000 ล้านบาท ได้มากกว่างบประมาณที่รัฐบาลจ่ายเป็นค่าลิขสิทธิ์ ที่เฉลี่ยปีละประมาณ 800 ล้านบาท การแข่งขันยังได้รับการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ประเทศไทยได้รับมูลค่าการประชาสัมพันธ์ที่ไม่สามารถประเมินเป็นตัวเงินได้ และยังช่วยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศ รวมถึงดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีกว่าการใช้งบโฆษณาตามปกติ
โดยสัญญาใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีก 5 ปี (2570-2574) ได้รับการประมาณการณ์ว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 28,000 ล้านบาท

สำหรับการแข่งขัน MotoGP 2026 ประเทศไทยจะสนามการแข่งขันแรกของปฎิทินโลกในฤดูกาล 2026 โดยจัดขึ้นในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2569 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
สำหรับคอมอเตอร์สปอร์ต และผู้ที่ชื่นชอบความเร็วก็สามารถติดตามชมความมันในฤดูกาลหน้าได้ก่อนใครที่สนามบ้านเรา
อ่านข่าว Motorsport เพิ่มที่นี่
อ่านข่าว MotoGP เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish
