MotoGP เตรียมยัดเทคโนโลยีใหม่ ที่รถถนนมี แต่ตัวแข่งไม่เคยมี

หลายคนที่ติดตามการแข่งขัน MotoGP มักจะทราบกันดีว่าตัวแข่งในรุ่นใหญ่สุด มักอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสุดของรถมอเตอร์ไซค์แบบล้ำหน้าไปไกลกว่ารถขายจริง ทว่ามันกลับไม่ได้ถูกต้องไปหมดเลยเสียทีเดียว
เพราะล่าสุด ทางคณะกรรมการการแข่งขัน MotoGP กลับพึ่งจะมีการประกาศปรับกฎควบคุมตัวรถด้านเทคนิคใหม่ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่การแข่งขันในสนามถัดไปที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ณ สนาม เรดบูลล์ ริง ประเทศออสเตรีย นั่นคือการอนุญาตให้ตัวแข่งรุ่นใหญ่ สามารถใช้ “ระบบรักษาการทรงตัว” หรือ “Stability Control” ได้ จากที่ก่อนหน้านี้ จะมีเพียงระบบ “รักษาการยึดเกาะ” หรือ “Traction Control” เท่านั้นคอยทำงานเพื่อช่วยลดความเสี่ยงของนักบิดขณะหวดรถในสนาม

ระบบรักษาการทรงตัว หรือ ระบบ Stability Control คือระบบความปลอดภัยที่มีใช้ในรถมอเตอร์ไซค์ตัวขายจริงสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของใครหลายๆคนมาไม่น้อยกว่า 10 ปี โดยมันมีหน้าที่คอยรักษาสเถียรภาพตัวรถให้มีความมั่นคงขณะใช้งาน
และจะอาศัยข้อมูลจากเซนเซอร์วัดแรงเฉื่อย หรือเซนเซอร์ IMU เพื่อดูทิศทางการเคลื่อนที่ของรถเพิ่มเติมอีก ว่าตอนนี้รถกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ควรจะเป็น และสัมพันธ์กับอัตราการเบรก การเปิดคันเร่ง หรืออัตราเร่งในการหมุนของล้อหน้า-หลังหรือไม่ ?
เช่นหากผู้ขี่กำลังเบรกเพื่อเข้าโค้ง แล้วจู่ๆล้อเกิดลื่นแล้วรถมีการไถลออกด้านข้าง ระบบก็จะสั่งปล่อยการจับจานเบรกของปั๊มเบรกทันที ซึ่งหน้าที่ตรงนี้จะคล้ายๆกับระบบ ABS แต่ตัวระบบป้องกันล้อล็อคที่ว่า หากเป็นระบบพื้นฐาน จะสามารถจับอาการได้เฉพาะในกรณีที่ล้อหน้าและล้อหลังหมุนชะลอความเร็วไม่สัมพันธ์กันเท่านั้น

หากล้อล็อคเหมือนกันทั้งคู่ในโค้ง รถก็พับลงไปได้อยู่ดี ซึ่งในจุดนี้ ระบบรักษาการทรงตัว จะเข้ามาเป็นเสมือนการป้องกันชั้นที่สองให้ขณะกำลังใช้เบรกเข้าโค้ง ไม่ให้ล้อล็อคจนรถแถออกทางด้านข้าง
เช่นเดียวกัน หากรถมีเพียงระบบรักษาการยึดเกาะ หรือ Traction Control ระบบที่ว่านี้ ก็จะมีการรับข้อมูลแค่เฉพาะการจับอัตราการหมุนของล้อขณะเปิดคันเร่ง ว่ามีความสัมพันธ์กันหรือไม่ และจะมีการตัดกำลังเครื่องยนต์ หรือเลี้ยงกำลังเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะด้วยการคุมอัตราการจ่ายน้ำมัน อัตราการจุดระเบิด หรืออัตราการเปิดของลิ้นเร่ง เพื่อไม่ให้ล้อหลังหมุนแรงและเร็วเกินไป จนทำให้ล้อหลังหมุนไม่สัมพันธ์กับล้อหน้าเพียงเท่านั้น
ซึ่งต่างจากระบบรักษาการทรงตัว ที่จะสามารถดึงข้อมูลจากเซนเซอร์วัดแรงเฉื่อย มาใช้ในการประมวลผล ว่าหากผู้ขี่กำลังใช้คันเร่งเพื่อเข้าโค้ง หรือกำลังจะออกจากโค้ง แล้วจู่ๆรถเกิดมีรูปแบบการเคลื่อนที่ ซี่งเสี่ยงต่อการเปลี่ยนทิศทางอย่างปุบปับ หรือกะทันหันขึ้นมาหรือไม่ ? หากใช่ ระบบก็จะคอยตัดกำลังเครื่องยนต์ลง หรือเลี้ยงกำลังเครื่องให้คงที่ ไม่กระโชกโฮกฮากจนทำให้รถหมุน หรือดีด จนทำให้นักบิดที่ขี่รถอยู่กระเด็นตกรถไป

หรือว่าง่ายๆก็คือ ระบบรักษาการทรงตัว จะช่วยให้รถมีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง ทั้งในจังหวะตอนเบรกและตอนเร่งมากยิ่งขึ้น กว่าการมีแค่ระบบป้องกันล้อล็อค หรือ ระบบรักษาการยึดเกาะ เท่านั้น นั่นเอง
โดยในการแข่งขัน MotoGP สิ่งที่จะเกิดได้ยากขึ้น เมื่อระบบรักษาการทรงตัวถูกติดตั้งเข้ามา ก็คือการเกิดอาการ High Side หรือรถดีด ตอนล้อหลังเสียกริปจนท้ายขวาง แล้วจู่ๆก็มีกริปกระทันหันจนโช้คยุบสุด แล้วดีดท้ายรถกลับคืน แล้วทำให้นักบิดหลายคนต้องเจ็บหนัก
ส่วนการเบรกคาดว่าจะไม่ได้เข้ามาช่วยใดๆ และนักแข่งยังต้องคุมการทรงตัวของรถในตอนเข้าโค้งด้วยตนเองอยู่ เพื่อรักษาอรรถรสในการแข่งขัน เช่นเดียวกับการที่ระบบ ABS ยังไม่เคยถูกนำมาใช้ใดๆทั้งสิ้นในตัวแข่งระดับโลก ไม่ว่าจะรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ (หรือไม่ว่าจะในรายการแข่งขันระดับมืออาชีพใดๆก็ตาม)

สำหรับในมุมความรู้สึกของเหล่านักบิด MotoGP ก็แน่นอนว่าต้องมีทั้งฝั่งที่รู้สึกดี กับการที่คณะกรรมการอนุญาตให้ตัวแข่งของพวกเขามีระบบรักษาการทรงตัวให้ใช้ เพราะมันจะช่วยให้ชีวิตของพวกเขามีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เช่น Marco Bezzchi กับ Jack Miller ที่เห็นดีเห็นงามกับระบบนี้เป็นอย่างมาก
ทว่าในขณะเดียวกัน ด้วยความที่ระบบ อาจช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักบิดมากเกินไป เพราะไม่ว่าจะใช้คันเร่งยังไง พวกเขาก็ยังคงมีระบบนี้มาช่วยเหลืออยู่ ทำให้นักบิดบางคน มองว่ามันอาจทำให้รถขี่ง่ายขึ้นก็จริง (เพราะมีความเสี่ยงที่รถจะดีดยากขึ้น)
แต่มันอาจลดทอนความแตกต่างระหว่างจุดเด่นและจุดด้อยของนักแข่งแต่ละคนให้น้อยลง จนสีสันของการแข่งขันยิ่งน้อยลงไป จากที่เดิมทีมันก็น้อยลงไปมากแล้วเมื่อเทียบกับการแข่งขันยุคก่อนๆ ซึ่งคนที่ไม่เห็นด้วยยกับเรื่องนี้เท่าไหร่นัก ก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นนักบิดที่พลาดล้มวิจัยกรวดมาหลายครั้ง อย่าง Marc Marquez เสียอย่างนั้น

โดยท้ายที่สุด การเข้ามาของระบบรักษาการทรงตัวในตัวแข่ง MotoGP จะช่วยให้นักบิดสามารถแข่งขันกันได้อย่างปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน หรือจะทำให้ความดุเดือดในการฟาดฟันกันในสนามลงลงมากแค่ไหน ก็มีแต่ต้องรอชมกันเท่านั้น นับตั้งแต่การแข่งขันในสัปดาห์นี้เป็นต้นไป
Source Cr.: Crash.net
อ่านข่าว Motorsport เพิ่มที่นี่
อ่านข่าว MotoGP เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish