กรรมการปรับกฎการแข่งขันใหม่ แก้เกมความโกลาหลใน “อเมริกันจีพี”

เพื่อป้องกันการเกิดความสับสน และความโกลาหล แบบที่เกิดขึ้นไปสดๆร้อนๆในการแข่งขัน “อเมริกันจีพี” ทำให้ล่าสุดทางคณะกรรมการได้ทำการปรับกฏใหม่แล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งนั่นรวมถึงการเพิ่มบทลงโทษให้กับเหล่านักบิดที่กระทำผิดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย
ย้อนไปในการแข่งขัน “อเมริกันจีพี” ครั้งล่าสุด ช่วงจังหวะก่อนที่เกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น มาร์ค มาร์เกวซ ได้ตัดสินใจที่จะลักไก่ ด้วยการหลอกให้คู่แข่งเข้าใจว่าตนเองจะใช้รถที่ใส่ยางฝนลงแข่งขัน แต่ในจังหวะ 1 นาทีสุดท้าย ก่อนที่สัญญาณรอบวอร์มอัพแล็พจะเริ่มขึ้น เจ้าตัวเลือกที่จะวิ่งไปพิท เพื่อเปลี่ยนเอารถที่ใส่ยางสลิคออกมาแข่งแทน และเหล่านักบิดรุ่นน้องคนอื่นๆ ก็ตัดสินใจวิ่งตามกันไป และทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นก่อนการแข่งขันจะเริ่ม

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นประเด็นไม่แพ้กัน ก็คือความเข้าใจในกติกาที่ผิดพลาดของตัวนักแข่งอย่าง มาร์ค มาร์เกวซ รวมถึงหัวหน้าทีมช่าง ที่คิดว่าการเปลี่ยนรถก่อนการแข่งขันจะเริ่มในวินาทีสุดท้าย จะแลกมาซึ่งโอกาสในการที่จะได้ออกสตาร์ทในกริดที่ตนเองทำผลเวลาในรอบควอลิฟายเอาไว้ได้ เป็นการออกสตาร์ทจากท้ายแถว เท่านั้น โดยไม่ได้มีบทลงโทษอื่นใดเพิ่มเติมอีก
ทั้งที่ในความเป็นจริง หากอิงตามกฎกติกาดั้งเดิม ข้อที่ 1.18.7 ระบุว่า นักบิดคนใดก็ตาม ที่ออกจากกริดสตาร์ทก่อนที่รอบวอร์มอัพแล็พจะเริ่มขึ้น ด้วยเหตุผลในเรื่องเหตุผลด้านสภาพอากาศ เช่นกรณีอยากจะเปลี่ยนไปใช้รถที่เซ็ทอัพเหมาะกับสภาพอากาศ ณ เวลานั้น มากกว่าคันที่เตรียมใช้ลงการแข่งขันบนกริดครั้งนี้ของ มาร์ค
นักบิดรายนั้น จะยังคงได้สิทธิ์ในการออกตัวในรอบแข่งจริงจากกริดสตาร์ทที่ทำผลงานเอาไว้ได้ในรอบควอลิฟายดังเดิม แต่จะต้องเข้า “ลองแล็ปเพนาลตี” จำนวน 2 ครั้ง ภายใน 3 รอบแรกของการแข่งขัน

ทว่ามีอีก 9 นักบิดรุ่นน้อง พยายามแก้เกมตาม มาร์ค จึงทำให้ทางคณะกรรมการมองว่ามันอาจไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก ที่จะให้เหล่านักบิดหลายคนแย่งกันสตาร์ทจากท้ายแถว และตัดสินใจเริ่มนับรอบการสตาร์ทการแข่งขันใหม่อีกครั้ง โดยไม่มีบทลงโทษใดๆให้กับเหล่านักบิดที่ลักไก่ และส่งผลให้นักบิดที่มั่นใจในการเลือกยางสลิคซึ่งเหมาะสมกับสภาพผิวแทร็ค ณ เวลานั้นมาตั้งแต่แรก อย่างเช่น ไอ โอกุระ, เอเนีย บาสเตียนินี, และ แบรด บินเดอร์ ต้องเสียผลประโยชน์ไปโดยปริยาย
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกัน หรือลดโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีกครั้ง ทางคณะกรรมการการแข่งขันจึงได้มีการปรับกฎใหม่ให้มีความชัดเจนและครอบคลุมยิ่งขึ้น นั่นคือ นอกจากการระบุบทลงโทษดั้งเดิมที่มีอยู่แล้ว อย่างการต้องออกสตาร์ทในรอบวอร์มอัพแล็พที่พิทเลน และกลับเข้าไปออกตัวก่อนเริ่มแข่งในกริดสตาร์ทเดิม แต่ต้องเข้าลองแล็ป 2 ครั้ง ภายใน 3 รอบแรกของการแข่งขัน
ซึ่งเดิมทีจะมีการระบุบทลงโทษนี้ไว้เฉพาะ กรณีเมื่อนักบิดกระทำการเปลี่ยนตัวแข่งในช่วงนาทีสุดท้าย ก่อนเริ่มรอบวอร์มอัพแล็พเท่านั้น แต่ในคราวนี้ จะถูกใช้เป็นบทลงโทษให้กับนักบิดที่ไม่เข้ามาประจำกริดสตาร์ทหลังจากที่ประตูพิทเปิดให้นักบิดเข้าสนามในรอบไซท์ติ้งแล็พ และรวมถึงนักบิดที่เอารถของตนออกจากกริดสตาร์ทในช่วง 3 นาทีสุดท้าย ก่อนเริ่มการแข่งขันจริงด้วย

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเงื่อนไขในการออกสตาร์ทจากพิทเลน เมื่อนักบิดนำรถออกจากกริดก่อนรอบวอร์มอัพแล็พจะเริ่มใน 1 นาทีสุดท้ายอีกว่า นักบิดจะสามารถออกสตาร์ทรอบวอร์มอัพแล็พจากพิทเลนได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาสามารถนำรถไปจอดหน้าพิทเลนก่อนกรรมการปิดพิทเลท แล้วกลับไปวิ่งเข้ากริดดั้งเดิมของตนเอง ก่อนที่รถเซฟตี้คาร์จะเริ่มวิ่งตรวจสอบสภาพผิวแทร็คครั้งสุดท้ายเท่านั้น
สำหรับการแข่งขันในรุ่นใหญ่ หากนักบิดได้รับสัญญาณธงขาว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าในสนามแข่งมีฝนตก นักบิดสามารถเอารถกลับเข้าพิทเพื่อเปลี่ยนยาง หลังจบรอบวอร์มอัพแล็พได้ โดยจะไม่ได้รับบทลงโทษอื่นใดเพิ่มเติม นอกจากการต้องออกสตาร์ทการแข่งขันจริงในพิทเลน แต่ห้ามไม่ให้มีการใช้ระบบช่วยออกตัวใดๆในการออกตัวจากพิทเลนทั้งสิ้น
และท้ายสุดคือ หากมีนักบิด ตัดสินใจกระทำการนำรถออกจากกริดสตาร์ท เพื่อเข้าไปเปลี่ยนยาง หรือเปลี่ยนรถ จนต้องออกตัวจากพิทเลนในรอบวอร์มอัพแล็พ มากกว่า 10 คน ขึ้นไป การแข่งขันจะถูกยกเลิก และกลับไปเริ่มต้นใหม่ด้วยเงื่อนไขกติกา “ควิกสตาร์ท” แทน เพื่อความปลอดภัยของเหล่านักแข่งเอง
Source Cr.: Crash.net
อ่านข่าว Motorsport เพิ่มที่นี่
อ่านข่าว MotoGP เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish