2026 Suzuki GSX-R1000R ปรับโฉมใหม่เพิ่มความดุดัน ฉลองครบรอบ 40 ปี

หลังห่างหายไปนาน จนหลายคนเข้าใจว่าทางค่ายคงถอดใจไปแล้ว ล่าสุด Suzuki GSX-R1000R ก็ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในปี 2026
2026 Suzuki GSX-R1000R มาพร้อมกับจุดเปลี่ยนหลายด้าน ที่คนทั่วไปอาจไม่ทันได้สังเกตเห็น เพราะหากมองรถเพียงผ่านตา คุณอาจจะรู้สึกว่าตัวรถก็ยังคงใช้งานออกแบบแฟริ่งเดิมสนิท มีแค่การติดวิงเล็ทคาร์บอนชิ้นจิ๋วเข้ามาขนาบแฟริ่งข้างไว้เพื่อสร้างแรงกดจากอากาศที่ไหลผ่านขณะวิ่งด้วยความเร็วสูงๆ และมีการติดตั้งชิ้นครอบตูดมดแทนเบาะหลัง กับเปลี่ยนชุดหลอดไฟเลี้ยวคู่หน้า-คู่หลัง ให้เป็นหลอด LED ก็เท่านั้น

โดยความเปลี่ยนแปลงสำคัญของตัวรถจริงๆ ก็คือเครื่องยนต์ที่อาจจะยังคงเป็นบล็อก 4 สูบเรียง DOHC พ่วงระบบ SR-VVT ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ 999.8cc จากขนาดกระบอกสูบ 76 มิลลิเมตร x ช่วงชัก 55.1 มิลลิเมตร เท่าเดิม แต่ทาง Suzuki ระบุว่า พวกเขาได้มีการปรับเปลี่ยนไส้ในของขุมกำลังลูกนี้ใหม่หลายรายการ ทั้ง แคมชาฟท์ใหม่, วาล์วไอเสียใหม่ ใบใหญ่ขึ้นจาก 24 มิลลิเมตร เป็น 25 มิลลิเมตร, ลูกสูบใหม่ที่มีการปรับรูปทรงให้รองรับกับใบวาล์วที่ใหญ่กว่าเดิม พร้อมช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินลงได้อีกชิ้นละ 3 กรัม, ปรับหัวฉีดจากแบบ 10 รู เป็น 8 รู
และยังมีการปรับทรงฝาสูบใหม่เพื่อเพิ่มอัตราส่วนกำลังอัด จาก 13.2 : 1 เป็น 13.8 : 1, เปลี่ยนแครงก์ล่าง และเพลาข้อเหวี่ยงใหม่ ให้มีการไหลเวียนน้ำมันเครื่องที่ดีขึ้น ตามด้วยสุดท้ายคือการปรับปรุงทางเดินระบบไอเสียใหม่ ตั้งแต่เฮดเดอร์ลงมาจนถึงหม้อพักกลางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แถมยังติดตั้งให้มีระยะร่นมาด้านหน้ามากกว่าเดิม เพื่อให้แคทตาไลติกด้านในสะสมความร้อนสำหรับเผาไหม้ไอเสียได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

หม้อพักปลายท่อไอเสียซึ่งอย่างหลังสุดจะเห็นได้ว่ามีความยาวมากขึ้นอย่างชัดเจน แอบให้อารมณ์คล้ายกับซุปเปอร์ไบค์ของแบรนด์เจ้าตลาด แต่ก็มีขนาดห้องไอเสียเล็กลงจาก 8.5 ลิตร เหลือ 5.5 ลิตร โดยสังเกตได้จากขนาดที่เล็กลง และเรียวขึ้น ส่วนฝั่งไอดีก็จะมีการปรับขนาดลิ้นเร่งใหม่ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจาก 46 มิลลิเมตร เป็น 48 มิลลิเมตร แต่ตัวเรือนมีขนาดเล็กลงและน้ำหนักเบากว่าเดิม
การปรับทั้งหมดทั้งมวลนี้ ไม่ใช่เพื่อเค้นกำลังให้มากขึ้น แต่เพื่อให้รถยังสามารถรักษาพละกำลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายใต้กฎมลพิษระดับ Euro5+ ทำให้จากเดิมที่มันเคยมีแรงม้าติดตัวมา 202 PS ตอนนี้ก็ลดลงมาเหลือ 195 PS ที่ 13,200 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดก็ลดลงมาเหลือ 111 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบ/นาที จากเดิมที่เคยทำได้ 117.7 นิวตันเมตร ที่ 10,800 รอบ/นาที แต่ยังคงส่งกำลังผ่านชุดเกียร์คลัทช์มือ 6 สปีด อัตราทดเดิม เสริมลูกเล่นระบบสลิปเปอร์คลัทช์ และควิกชิฟท์เตอร์ 2 ทางขึ้น/ลง ดังเดิม
นอกนั้นตัวรถยังคงใช้ชุดเฟรมแบบอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปทวินสปาร์ แบบเดียว แบบเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2017 เช่นเดียวกับซับเฟรมหลัง และสวิงอาร์มอลูมิเนียมแขนคู่ ไปจนถึงชุดล้ออัลลอยด์ลายเดิม รัดด้วยยาง Bridgestone Battlax Racing Street RS11 ขนาด 120/70-17 กับ 190/55-17 ตามลำดับหน้า-หลัง กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ที่ช่วยทำให้รถมีน้ำหนักเบาะเพียง 203 กิโลกรัม เมื่อรวมของเหลวต่างๆและน้ำมันเชื้อเพลิงในถังความจุ 16 ลิตร

ระบบกันสะเทือน ยังคงใช้บริการชุดโช้คอัพตะเกียบคู่หัวกลับ ปรับเซ็ทได้ทุกค่า พร้อมกระปุกซับแทงค์แก๊สแยก และไส้ในแบบ Balance Free Front ทางด้านหน้า และโช้คกระปุกซับแทงค์แก๊สแยก พร้อมไส้ในแบบ Balance Free Rear Cusion ปรับเซ็ทได้ทุกค่าเช่นกัน
ขณะที่ระบบเบรกยังคงใช้แบบเฉพาะตัว ด้วยคาลิปเปอร์เบรก Brembo M50 แบบเรเดียลเมาท์ 4 พอท ทำงานร่วมกับจานเบรกแบบ Semi T-Drive ขนาด 320 มิลลิเมตร ทางด้านหน้า และ จานเบรกขนาด 220 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรก 1 พอท ทางด้านหลัง โดยตัวโมดูลย์ ABS ยังถูกลดน้ำหนักส่วนเกินลงอีก 51 กรัม และยังคงทำงานร่วมกับเซนเซอร์ IMU เพื่อทำงานในรูปแบบระบบ Cornering-ABS ได้ดังเดิม

อุปกรณ์อื่นๆของตัวรถ ยังคงคล้ายเดิม ทั้งระบบคันเร่งไฟฟ้า, ระบบล็อครอบออกตัว, ระบบช่วยสตาร์ท, ระบบป้องกันรถดับในช่วงความเร็วต่ำ, โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ A/B/C, ระบบแทร็คชันคอนโทรล 10 ระดับ แบบอาศัยข้อมูลองศาการเอียงจากเซนเซอร์ IMU มาช่วยประมวลผลการทำงานได้ด้วย, ระบบรักษาสเถียรภาพการเบรกขณะลงทางชัน, และระบบป้องกันล้อลอยขณะเปิดคันเร่ง โดยทั้งหมดจะถูกแสดงผลบนหน้าจอมาตรวัด Full Digital LCD ดังเดิม
ด้านมิติตัวรถยังคงเดิมด้วยความยาว 2,075 มิลลิเมตร x ความกว้าง 705 มิลลิเมตร, ความสูง 1,145 มิลลิเมตร, ความสูงใต้ท้องรถ 130 มิลลิเมตร, ความยาวฐานล้อ 1,420 มิลลิเมตร, และความสูงเบาะ 825 มิลลิเมตร
ท้ายสุดคือเฉดสีตัวรถที่จะมีให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ สีขาว น้ำเงิน แดง/ดำ – Pearl Vigor Blue / Pearl Tech White, สีแดง ดำ ทอง – Candy Daring Red / Pearl Tech White, สีเหลือง ฟ้า ดำ – Pearl Ignite Yellow / Metallic Matt Stellar Blue ซึ่งทั้งหมดจะมาพร้อมกับโลโก้ฉลองวาระครบรอบ 40 ปีรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล GSX-R ส่วนราคาจำมีการประกาศอีกครั้งในช่วงไม่เกินสิ้นปีนี้ สำหรับประเทศที่จะถูกส่งไปวางจำหน่ายกลุ่มแรก ได้แก่กลุ่มประเทศในทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกานั่นเอง
Source Cr.: Suzuki Global
อ่านข่าว New Bikes เพิ่มที่นี่
อ่านข่าว Suzuki เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish