MV Agusta Superveloce 1000 “AGO” โมเดลพิเศษรำลึกเจ้าตำนาน “อคอสตินี”

จิโอคาโม อาคอสตินี คือนักบิดเจ้าตำนานด้วยคว้าแชมป์โลกในการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์เวิลด์กรังปรีซ์ ถึง 15 สมัย และ MV Agusta Superveloce 1000 “AGO” คันนี้คือรถที่เกิดมาเพื่อรำลึกถึงความยิ่งใหญ่ของเขา
MV Agusta Superveloce 1000 “AGO” คือรถมอเตอร์ไซค์โมเดลพิเศษ ที่จะถูกผลิตขึ้นมาเพียง 83 คันบนโลกเท่านั้น ซึ่งเลขจำนวนการผลิต ก็มาจากอายุปัจจุบันของนักบิดเจ้าตำนาน จิโอคาโม อาคอสตินี เจ้าของแรงบันดาลใจในการออกแบบตัวรถคันนี้ ที่สามารถคว้าแชมป์จากการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก รุ่น 500cc ได้ 8 สมัย และรุ่น 350cc อีก 7 สมัย

โดยเขายังสามารถคว้าชัยชนะตลอดอาชีพ 122 เรซ, ขึ้นโพเดี้ยมอีก 159 ครั้ง จากการร่วมแข่งขันที่งหมด 207 สนาม แถมยังเคยชนะการแข่งขันรายการ Isle of Man TT อีก 10 ครั้ง ซึ่งชัยชนะส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นของเขา ก็คือตอนที่เจ้าตัวได้ควบรถของ MV Agusta อยู่ (คว้าแชมป์โลกกับ MV Agusta ไปทั้งหมด 13 สมัย)
ดังนั้น สำหรับตัวรถ Superveloce 1000 “AGO” รุ่นนี้ จึงถูกตกแต่งด้วยลวดลายย้อนยุค กับสีแดงด้านครึ่งบน สีเงินด้านครึ่งล่างโดยที่ตรงกลางแฟริ่งชิ้นใหญ่ จะมีการทำกราฟฟิกคล้ายแผ่นสติ๊กเกอร์หมายเลขประจำตัวนักแข่งพื้นสีเหลือง ซึ่งแน่นอนว่าเลขที่แปะอยู่ตรงกลาง ก็คือหมายเลข 1 ซึ่งเป็นหมายเลขประจำตัวของนักบิดที่ได้สมญาว่าเป็น “แชมป์โลก” เท่านั้น
และยังใส่กิมมิคป้ายหมายเลขประจำตัวนี้ไว้ที่วงแหวนกรอบไฟหน้าสีเหลืองทองซึ่งทำขึ้นจากอลูมิเนียม CNC และเปลี่ยนสีเฟรมอลูมิเนียมตรงกลางให้เป็นสีเทา เพื่อความกลมกลื่นกับสีแฟริ่ง ส่วนเฟรมบนที่เป็นโครงเหล็กถัก ถูกทำเป็นสีดำอยู่แล้วตั้งแต่ร่างปกติ

โดยชิ้นส่วนแฟริ่งตัวรถแทบทั้งคัน ล้วนแล้วแต่เป็นชิ้นงานเพียวคาร์บอน ไม่เว้นแม้กระทั่งชิ้นวิงเล็ทด้านข้าง และตัวครอบเบาะท้าย เสริมความโดดเด่นประจำตัวด้วยเบาะผู้ขี่หุ้มหนังอัลคันทาร่า ทำลวดลายบนเบาะเป็นตราประจำรถ, ชุดล้อซี่ลวดทูบเลสลายพิเศษสีเงินโทนสว่าง, แปะเพลทสีทอง พร้อมปั๊มลายฉลองแชมป์ 15 สมัยไว้บนเข็มขัดรัดถังน้ำมันสีน้ำตาล
และยังมีเพลทบ่งบอกหมายเลขลำดับการผลิตบนแผงคอหน้า รวมถึงตัวดอกกุญแจที่ให้มา ยังแปะเหรียญตราสัญลักษณ์ประจำรุ่น ซึ่งหล่อขึ้นมาจากชิ้นส่วนถ้วยรางวัลของ อคอสตีนี เองอีก

ด้านรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆของรถยังคงเดิม ทั้งเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำและน้ำมัน ขนาดความจุ 998cc ใช้หัวฉีด 8 ตัว จาก Mikuni ลิ้นเร่งไฟฟ้า ขนาด 50 มิลลิเมตร 4 ตัวจาก Mikuni และกล่องควบคุมพร้อมซอฟท์แวร์ Eldor Nemo 2.1 ให้กำลังสูงสุด 208 แรงม้า ที่ 13,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 116.5 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ 6 สปีด ระบบคุมคลัทช์แบบไฮดรอลิกจาก Brembo พร้อมระบบกลไกสลิปเปอร์คลัทช์ และควิกชิฟท์เตอร์ 2 ทาง ขึ้น/ลง MV EAS 4.0 ช่วยให้รถสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 3.1 วินาที และ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 7.8 วินาที
ระบบกันสะเทือนโช้คหน้าตะเกียบคู่หัวกลับ ขนาดแกน 43 มิลลิเมตร เคลือบด้วยสาย TiN เพื่อความลื่นไหลในการทำงานและความทนทาน และโช้คหลังต้นเดี่ยวพร้อมกระปุกซับแทงค์แก๊สแยก ทำงานร่วมสวิงอาร์มอลูมิเนียมแขนเดี่ยว โดยโช้คทั้งหมด เป็นของ Ohlins มาพร้อมกับระบบปรับแปละแปรผันค่าการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า และลูกค้ายังสามารถเซ็ทค่าความแข็ง-อ่อน สปริง ความหนืดในการยืด-ยุบตัว ของโช้กได้เองอีกตามความต้องการในการใช้งาน

ระบบเบรกด้านหน้าใช้จานเบรกคู่ขนาด 320 มิลลิเมตร ทำงานร่วมปั๊ม Brembo Stylema 4 พอท และด้านหลังใช้จานเบรกเดี่ยว ขนาด 220 มิลลิมเตร ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกแอกเซียลเมาท์ 2 พอท โดยมีระบบ Cornering-ABS จาก Continental มาช่วยทำงานเสริมความปลอดภัย
ส่วนล้อซี่ลวดทูบเลสที่ให้มา ก็จะรัดด้วยด้วยยางขนาด 120/70-17 และ 200/55-17 ตามลำดับหน้าหลัง พร้อมแบกน้ำหนักตัวรวมของเหลวและน้ำมันเชื้อเพลิงในถัง 16 ลิตร ที่ 209 กิโลกรัม, ความสูงเบาะ 845 มิลลิเมตร, ความสูงใต้ท้องรถ 108 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 1,415 มิลลิเมตร

ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้งานครบครัน ด้วย ระบบคันเร่งไฟฟ้า, ระบบ Riding Mode, ระบบควบคุมแรงบิด 4 ระดับ, ระบบควบคุมการลื่นไถล 8 ระดับ และ ระบบป้องกันล้อหน้าลอยตัว พร้อมการอ่านค่าแรงเฉื่อย ด้วยเซนเซอร์ IMU 6 แกน ระบบล็อครอบออกตัว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และอื่นๆอีกมากมาย โดยข้อมูลการทำงานของระบบต่างๆเหล่านี้ จะถูกแสดงผลบนชุดหน้าจอมาตรวัด TFT ขนาด 5.5 นิ้ว
โดยรถจะพร้อมวางจำหน่ายด้วยราคาสำหรับตลาดยุโรปที่ 83,000 ยูโร หรือราวๆ 3.1 ล้านบาท และลูกค้าจะได้เซ็ทของพรีเมียมที่จะมีให้เฉพาะเจ้าของรถคันนี้เท่านั้น, ชุดผ้าคลุมรถลายพิเศษ, เบาะนั่ง พักเท้า สำหรับผู้ซ้อน, การ์ดส้นเท้าของพักเท้าผู้ซ้อน และอื่นๆอีกมากมาย ส่วนโอกาสที่จะได้เห็นคันเป็นๆในประเทศไทย คาดว่าจะมีต่ำถึงต่ำมากๆ เพราะถึงมี ลูกค้าก็มักเลือกเก็บมันไว้จอดในลานเก็บรถส่วนตัวเป็นส่วนใหญ่อยู่ดี
อ่านข่าว New Bikes เพิ่มที่นี่
อ่านข่าว MV Agusta เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish