จากความจริงที่ว่าสหรัฐอเมริกา คือประเทศที่ไทยเรามีการส่งออกรถมอเตอร์ไซค์ไปวางจำหน่ายที่นั่นมากที่สุด ทำให้เมื่อพวกเขาได้ประกาศคิดภาษีนำเข้าแบบ Reciprocal Tariff ขึ้นมา ก็ย่อมทำให้เกิดผลกระทบกับอุตสาหกรรมในส่วนนี้อยู่พอสมควร

จากการประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบแทน หรือ Reciprocal Tariff ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์และสินค้าที่มีการนำเข้าจากประเทศไทย ต้องถูกคิดภาษีเก็บเพิ่มอีก 19%

นั่นจึงทำให้ ฝั่งภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อส่งออกรถมอเตอร์ไซค์จากประเทศไทยไปสหรัฐอเมริกาต้องได้รับผลกระทบจากภาษีส่วนนี้ไปไม่น้อย เพราะมันส่งผลให้รถมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตจากประเทศของเรา จะถูกเรียกเก็บภาษีมากกว่ารถจากประเทศคู่แข่งหลักทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น, สหภาพยุโรป, และอินโดนีเซีย โดยมีเพียงแค่ประเทศจีนเท่านั้น ที่ถูกเรียกเก็บภาษีตรงนี้มากกว่าไทย

สิ่งที่ตามมาก็คือ ราคาของรถมอเตอร์ไซค์จากประเทศไทย ที่ถูกส่งไปทำตลาดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศปลายทางที่รถมอเตอร์ไซค์จากไทย ถูกส่งไปวางจำหน่ายมากที่สุด ด้วยส่วนแบ่งกว่า 21% มีแนวโน้มที่จะมีมูลค่าวางจำหน่ายสูงขึ้นกว่ารถที่นำเข้าจากประเทศคู่แข่งหลายรุ่นด้วยกัน

โดยเฉพาะกับรถมอเตอร์ไซค์พิกัด 90cc – 190cc ที่แม้คู่แข่งหลักจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์จากประเทศจีน ที่ถูกเรียกเก็บภาษีสูงกว่า แต่ด้วยราคาตั้งต้นที่ถูกกว่า ทำให้รถมอเตอร์ไซค์จากแดนมังกรยังคงสามารถทำราคาในสหรัฐได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับรถที่ถูกส่งออกไปจากประเทศไทย

ส่วนรถมอเตอร์ไซค์อีกกลุ่ม ที่จะได้รับผลกระทบหนักไม่แพ้กัน ก็คือรถมอเตอร์ไซค์ในกลุ่มพิกัดมากกว่า 800cc ขึ้นไป ซึ่งในตอนนี้ก็มีผู้ผลิตหลายราย ที่เลือกให้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกรถมอเตอร์ไซค์ไปวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ยกตัวอย่างเช่นรถบางโมเดลจาก Harley-Davidson และแทบทุกไลน์อัพจาก Triumph เป็นต้น ก็จะมีราคาสูงกว่ารถมอเตอร์ไซค์พิกัดเดียวกันที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นไปโดยปริยายเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้น รถบางรุ่นอาจจะมีราคาเขยิบเข้าไปใกล้กับรถมอเตอร์ไซค์คลาสเดียวกันของบางแบรนด์ที่ยังคงมีฐานการผลิตหลักในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ ทำให้ชาวอเมริกา ตัดสินใจกลับไปซื้อรถที่ผลิตในประเทศตนเองได้ง่ายมากขึ้น

อย่างไรก็ดี แม้รถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกส่งออกจากไทย ไปวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา จะมีมูลค่าสูงขึ้นจากอัตราการเก็บภาษีแบบใหม่ทุกคลาส ทว่าทางศูนย์วิจัยกสกรไทย ซึ่งเป็นผู้เก็บข้อมูลและเผยบทวิเคราะห์นี้ กลับระบุว่า สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ในพิกัด 250cc – 500cc และ 500cc – 800cc ที่ไทยเรากินส่วนแบ่งการส่งออกรถไปวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกามากที่สุด จะยังคงสามารถแข่งขันในจุดยืดเดิมต่อไปได้

นั่นก็เพราะรถมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในคลาสนี้ คือรถมอเตอร์ไซค์ของแบรนด์ญี่ปุ่น ที่มีฐานการผลิตหลักในประเทศไทยของเราเกือบทั้งหมด ทำให้ไม่มีรถที่ส่งออกจากโรงงานในประเทศญี่ปุ่นโดยตรงไปวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกามากนัก เช่นเดียวกับแบรนด์ผู้ผลิตสัญชาติอังกฤษแท้ๆ หรืออังกฤษเลือดอินเดีย แม้แต่รถแบรนด์อิตาลีบางโมเดล ก็ยังมีฐานการผลิตในบ้านเราเป็นหลัก

ดังนั้น แม้ในตอนนี้รถมอเตอร์ไซค์ในคลาสดังกล่าวจากประเทศจีน จะเริ่มตีตลาดสหรัฐอเมริกาหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ จนมีอัตราการเติบโตที่สูงถึง 77% ในช่วงรอบปีที่ผ่านมา แต่ด้วยความที่ลูกค้าผู้สนใจในรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มนี้ ยังคงให้ความสนใจในเรื่องคุณภาพการผลิต จึงทำให้รถมอเตอร์ไซค์คลาสนี้ที่ผลิตจากประเทศไทย (แม้จะไม่มีโมเดลไหนที่เป็นแบรนด์ไทยเลย) ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในสายตาลูกค้าชาวอเมริกันส่วนใหญ่อยู่ดี

ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ในกลุ่มพิกัดมากกว่า 800cc ขึ้นไป ก่อนหน้าที่ทางรัฐบาลสหรัฐจะมีการประกาศบังคับใช้อัตราการเก็บภาษีใหม่ หลายผู้ผลิตทั้งสัญชาติอังกฤษ หรือ อิตาลี ก็มีการเร่งส่งรถไปสต็อคเพื่อรอวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาไว้ล่วงหน้าแต่แรกกันอย่างหนักหน่วงแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Harley-Davidson ผู้ผลิตสัญชาติอเมริกาเอง ที่พึ่งย้ายฐานการผลิตจากบ้านเกิดมาเป็นประเทศไทยของเราอย่างเป็นทางการเมื่อปีก่อน ก็ยิ่งมีการเร่งส่งออกรถจากไทยไปวางขายในบ้านเกิดมาตั้งแต่โรงงานเปิดใหม่ๆอยู่แล้ว ทำให้ตัวเลขคาดการณ์ การส่งออกรถมอเตอร์ไซค์จากไทย ไปวางขายในสหรัฐอเมริกา ยังคงมีแนวโน้มที่จะมียอดเติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันในรอบปีก่อนหน้าอยู่ 28% อยู่ดี

Source Cr.: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

อ่านข่าว News Talk เพิ่มที่นี่

เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่

Website : motowish.com 

Facebook : facebook.com/motowish