ถนนวิภาวดี-รังสิต ทำไมมอเตอร์ไซค์วิ่งช่องทางหลักด้านในไม่ได้ ?

หนึ่งในประเด็นร้อนของสังคม โดยเฉพาะในหมู่เหล่าผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ ที่ต้องสัญจรไปมาบนถนนเส้นวิภาวดี-รังสิต ก็คือการที่เราไม่สามารถขี่รถมอเตอร์ไซค์ในช่องทางหลักคู่ในได้ และต้องวิ่งในช่องทางขนานคู่นอกเท่านั้น จนเกิดเป็นคำถามตามมามากมายว่าแล้วทำไม ถนนเส้นอื่นๆในต่างจังหวัดที่มีลักษณะเดียวกัน ถึงไม่ได้มีการห้ามใดๆ
ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายการเดินรถ ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ที่ยังคงมีผลบังคับใช้มาจนถึงทุกวันนี้ก่อน ว่าในข้อบัญญัติ ลักษณะที่ 3 ซึ่งว่าด้วยเรื่อง การใช้ทางเดินรถ (ถนน) และเกี่ยวกับกรณีนี้โดยตรง ได้มีการระบุข้อความในมาตรา 34 ว่า
ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป หรือที่ได้จัดช่องเดินรถประจำทางไว้ในช่องเดินรถซ้ายสุด ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องซ้ายสุดหรือใกล้กับช่องเดินรถประจำทาง เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้ ให้เดินทางขวาของทางเดินรถได้
(1) ในช่องเดินรถนั้นมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดการจราจร
(2) ทางเดินรถนั้น เจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว
(3) จะต้องเข้าช่องทางให้ถูกต้องเมื่อเข้าบริเวณใกล้ทางร่วมทางแยก
(4) เมื่อจะแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น
(5) เมื่อผู้ขับขี่รถด้วยความเร็วสูงกว่ารถในช่องทางเดินรถด้านซ้าย

และในขณะเดียวกัน พระราชบัญญัตินี้ ยังมีข้อกำหนด มาตรา 35 ซึ่งจะเป็นข้อบัญญัติพิเศษ เพื่อบังคับข้อกำหนดการใช้ทางเดินรถให้เฉพาะเจาะจงชัดเจนขึ้นไปอีกขึ้นมา โดยระบุว่า
รถที่มีความเร็วช้า หรือรถที่มีความเร็วต่ำกว่าความเร็วของรถคันอื่นที่ขับในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่จะกระทำได้
การขับรถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถจักรยานยนต์ในทางเดินรถ ซึ่งได้แบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องขึ้นไป หรือได้จัดช่องทางเดินรถประจำทางด้านซ้ายไว้โดยเฉพาะ ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องเดินรถด้านซ้ายเท่าที่จะกระทำได้ เว้นแต่กรณีตามมาตรา 34(1) (3) หรือ (4) ให้เดินทางขวาของทางเดินรถได้ตามที่จำเป็นแก่กรณี
ความในวรรคสองมิให้ใช้บังคับแก่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2,200 กก. และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
ดังนั้น หากอิงตามข้อบัญญัติข้างต้นนี้ ก็จะเท่ากับว่าโดยกฎหมายคือ ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องวิ่งในเลนชิดซ้ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสามารถออกเลนขวาได้ก็ต่อเมื่อ ในเลนซ้ายที่วิ่ง มีสิ่งกีดขวาง หรือ ต้องเปลี่ยนไปใช้ช่องทางอื่นเมื่อใกล้ทางแยก หรือ ตอนที่ต้องแซงรถคันข้างหน้า เท่านั้น

ส่วนในกรณีที่หลายคนสงสัยว่าแล้วเหตุใด ถนนบางแห่งที่มีลักษณะคล้ายกัน นั่นคือมีทั้งช่องทางหลัก ที่เป็นคู่ด้านใน ติดกับเกาะกลางถนน และช่องทางขนานที่จะอยู่ขอบด้านนอก คล้ายๆกับถนนเส้นวิภาวดี บางทีรถมอเตอร์ไซค์ก็สามารถเข้าไปวิ่งในช่องทางหลักได้โดยไม่ผิดอะไร ?
นั่นก็เพราะในข้อกำหนด พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 139 ระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถออกข้อบังคับ หรือระเบียบเกี่ยวกับการจราจรพิเศษเฉพาะพื้นที่ได้เอง โดยอิงตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัยและเพื่อความสะดวกในการจราจร
ซึ่งกรณีนี้ อาจมีความเป็นไปได้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ มองว่าช่องทางหลักคู่ใน มีความอันตรายสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ จากการจราจรที่คับคั่ง และความเร็วในการวิ่งของรถยนต์ที่ค่อนข้างสูง ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ย่อมมีโอกาสได้รับความเสียหายมากกว่า
หรือ มองว่าถนนช่องทางหลักด้านใน เป็นเส้นทางเดินรถเดียวกันกับถนนคู่ขนานด้านนอก ทำให้พวกเขาเลือกที่จะออกข้อบังคับไม่ให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ นำรถไปวิ่งช่องทางหลักด้านใน และต้องวิ่งให้ชิดช่องทางเลนซ้ายเท่านั้น โดยใช้สิทธิในการออกข้อบังคับพิเศษเฉพาะพื้นที่ตามมาตรา 139 ในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั่นเอง
Source Cr.: สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, Wikisource, Peesirilaw, สน.วิภาวดี-งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต
อ่านข่าว News Talk เพิ่มที่นี่
เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่
Website : motowish.com
Facebook : facebook.com/motowish
