รีวิว Cyclone RT2 สกู๊ตเตอร์พิกัด 250 cc. ดีไซน์ล้ำสมัย สมรรถนะไม่ธรรมดา

Posted on 14/11/2023

หลังจากได้ทดสอบรถ Cyclone รุ่น RT1 ไปแล้วในวันเดียวกันนั้นเราก็มีรุ่นพี่อย่าง RT2 เพื่อทดสอบในพื้นฐานเดียวกัน เพื่อให้ได้การเปรียบเทียบและความรู้สึกที่ชัดเจน สำหรับใครที่ต้องการเลือกระหว่างสองรุ่นนี้ จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น ว่าแล้วก็ไปลุยกันเลยย!!

CYCLONE รุ่น RT2

รูปทรงภายนอก

จากภาพจะเห็นได้ว่าระหว่าง RT2 vs RT1 มิติตัวรถของรุ่นพี่ RT2 นั้นใหญ่กว่ากว้างกว่าดูบึกบึนกว่า ให้อารมณ์เป็นรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์มากกว่า จะไม่ได้เพรียวบางกระทัดรัดมุดง่ายเหมือนอย่าง RT1 ซึ่งรุ่นน้องนั้นเหมาะสมกับการใช้ในเมืองได้เป็นอย่างดี

ด้านข้างตัวรถมุมนี้ แถมสีเหลืองแบบนี้ ทำให้คิดถึงหนังเรื่อง Transformers ขึ้นมาทันที การดีไซน์ของรุ่น RT2 ถือได้ว่าลงตัวพอสมควร รูปทรงและลายเส้นจะไม่ได้ออกแบบให้คมเหมือนอย่าง RT1 รุ่นพี่ให้อารมณ์ออกมาทางมนๆกลมๆนิดหน่อย แต่โดยรวมถือว่าเข้ากันได้ดี

ระบบไฟส่องสว่างเป็นแบบ LED ทั้งระบบ ไฟหน้าดูแว๊บแรกเรียกได้ว่า เฉียบเฟี้ยวว!! เลยทีเดียวสวยมากกก ไฟโปรเจคเตอร์คู่ข้างละ 2 ดวง และมีไฟ Daylight อยู่ด้านบน

ถัดมาที่ชิลด์หน้าสามารถปรับระดับได้ด้วยระบบมือหมุน วิธีปรับคือหมุนคลายตัวล็อคสามแฉกทั้งสองข้าง แล้วดีงตัวล็อคทางฝั่งขวาออก แล้วปรับชิลด์ให้ได้ความสูงที่ต้องการ หลังจากนั้นกดตัวล็อคฝั่งขวาดันกลับเข้าไป แล้วหมุนตัวล็อคทั้งสองข้างให้แน่นอีกครั้ง คุณภาพของวัดสุต่างๆดูแข็งแรงแน่นหนามั่นคงใช้งานได้จริง

ไฟท้ายดีไซน์ได้สวยงามเข้ากับตัวรถ คุณภาพของวัสดุชิ้นส่วนพลาสติกดูแข็งแรงมาตราฐาน ไม่บอบบางเหมือนรถจีนที่ราคาถูกๆแบบทั่วไป ช่วงเว้าช่วงโค้งดีเทลเยอะมาก เรียกได้ว่าขยันทำแม่พิมพ์จริงๆ แถมมีลายเส้นเหมือนคาร์บอนในบางช่วง

การประกอบช่วงเข้ามุมเข้าเหลี่ยมทำได้แน่นหนาดี อาจจะต้องวัดกันอีกทีในระยะยาวเรื่องการสั่นสะเทือนของชิ้นส่วนเมื่อใช้งานไปแล้ว แร็คหลังวัสดุดูแข็งแรงเหมาะแก่การรับน้ำหนักเยอะๆ

หน้าจอเรือนไมล์เป็นแบบ LCD Full Color (ปรับความสว่างได้) ตัวเลขความเร็วสูงสุดที่ 199 กม./ชม. เหมือนรุ่น RT1 ปุ่มปรับจะอยู่ด้านบน 2 ปุ่ม ฝั่งด้านซ้ายเลือก Mode ฝั่งด้านขวาคือ SET

แถบเส้นๆที่เห็นเป็นตัวบอกวัดรอบเครื่องยนต์ เรดไลน์เริ่มที่ 8,000 รอบ/นาที ส่วนสัญลักษณ์การแจ้งเตือนต่างๆมีมาให้ครบถ้วน แต่เหมือนจะไม่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน อาจจะต้องรอเช็ครถที่วางจำหน่ายจริงๆอีกครั้งว่ามีไหม

สวิทช์ฝั่งซ้าย : สวิทช์ไฟสูง–ต่ำ, ไฟเลี้ยว, แตร
สวิทช์ฝั่งขวา : สวิทช์ Start, On-Off, สวิทช์ฉุกเฉิน

ก้านเบรคสามารถปรับระดับได้ทั้งสองฝั่ง ปั้มเบรกขนาดใหญ่

กุญแจ Keyless รูปทรงดูดีเหมือนของรถยนต์ มีด้วยกัน 3 ปุ่ม (1.ปลดล็อครถ 2.ล็อครถ 3.ปิด-เปิดเสียงตัวรถ) พร้อมสัญญาณกันขโมย

สวิทช์สตาร์ทรถอยู่ใต้แฮนด์ และทางด้านซ้ายมือมีที่ ชาร์จไฟสำรอง 12V แบบ USB Type A และช่องเก็บของ ถ้าเทียบกับสัดส่วนตัวรถขนาดนี้เทสไรเดอร์ขอติว่า “ช่องเก็บของเล็กเกินไป” ส่วนช่องทางด้านขวามือไว้เซอร์วิสเติมน้ำยาหม้อน้ำ

ระบบช่วงล่างโช้คอัพหน้าแบบเทเลสโคปิคขนาดใหญ่ 35 มิล. จานเบรคและคาลิปเปอร์ขนาดสมส่วนกับตัวรถ มาพร้อมระบบ ABS ขนาดล้อและยางหน้าหลัง 110/80-14M/C , 130/70 13M/C

และด้านหลังเป็นแบบโช้คอัพคู่ สามารถปรับพรีโหลดได้ ทางผู้ผลิตแนะนำลมยาง ( ลมเย็น) ล้อหน้า 30 psi ล้อหลัง 36 psi

เครื่องยนต์ 1 ลูกสูบ ขนาด 246.9 ซีซี 4 จังหวะ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ แรงม้า 17 ตัว แรงบิด 22.5 นิวตันเมตร 6,000 รอบ/นาที ใช้รอบเครื่องน้อยกว่ารุ่น RT1 อยู่เล็กน้อย ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบสายพาน

ที่เก็บสัมภาระใต้เบาะมีช่องเสียบ USB พร้อมไฟส่องสว่างแบบ LED ให้ครบ และเครื่องมือติดรถที่จำเป็น ที่เห็นเป็นกล่องสี่เหลี่ยมคือช่องใส่แบตเตอรี่ น้ำหนักตัวรถสุทธิ 183 กิโลกรัม

ถังน้ำมันความจุขนาด 12.6 ลิตร

เริ่มทดสอบ..

การตอบสนองของเครื่องยนต์

เทสไรเดอร์ทำการทดสอบรถ Cyclone RT2 สลับกับรุ่น RT1 ในวันเดียวกัน ฉะนั้นเรื่องความแตกต่างจับความรู้สึกได้อย่างชัดเจน ก็เป็นธรรมดาของรถที่มีซีซีมากกว่า ย่อมมีแรงบิดและการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่รวดเร็วกว่า

แต่ถ้าไม่ได้ดูสเปคชีทคือวัดเอาฟิลลิ่งล้วนๆกับรถพิกัด 250 cc. เจ้า RT2 ถือได้ว่า “ขี่สนุก” บิดติดมือตั้งแต่รอบต่ำยันรอบปลายๆ ภาพที่เห็นว่ารถดูเป็นทรงบิ๊กสกู๊ตเตอร์นั้น วิ่งแบบปลิวๆกันเลยทีเดียว

การคอนโทรล

สำหรับการรถ CYCLONE RT2 ให้ฟิลลิ่งการคอนโทรลบาลานซ์น้ำหนักรถทำได้ค่อนข้างดี เนื่องจากวางถังน้ำมันไว้กลางตัวรถ ระหว่างช่วงขาตรงที่เติมน้ำมัน เช่นเดียวกับรุ่น RT1 ทำให้ไม่รู้สึกหนักด้านหลังจนเกินไป

แต่ช่วงจังหวะการพลิกรถอย่างรวดเร็วจากซ้ายไปขวา หรือโค้งต่อเนื่อง จะช้าเล็กน้อยเนื่องจากน้ำหนักตัวที่มากกว่า RT1 และบอดี้ที่ใหญ่กว่า แต่ถ้านับฟิลลิ่งของ RT2 เพียวๆแล้วนั้น คนที่เคยขี่บิ๊กสกูตเตอร์สเกลขนาดนี้จะเข้าใจดีว่าเป็นเรื่อง “ปกติ’

ระบบกันสะเทือนและช่วงล่าง

ช่วงล่างของ Cyclone RT2 ถ้าจะบอกว่า “ดีจนเกินความคาดหมาย” อาจจะบอกว่าอวยรึป่าว แต่อยากให้คนที่สนใจรถรุ่นนี้ไปลองขี่ดูก่อน แล้วอาจจะมองค้อนรถสกู๊ตเตอร์ 300cc 350cc. ที่จอดอยู่ในโรงรถที่บ้านแล้วอุทานว่า “เห้ยยย!! ทำไม RT2 มันดีกว่าฟ่ะ”

โช้คหน้าโช้คหลังของ RT2 ถือว่าปรับเซ็ตมาได้ค่อนข้างลงตัว ให้ฟิลลิ่งแบบนิ่มนวลแต่ไม่ย้วยจนโยน หรือต้องขี่ไปแก้อาการรถไปส่ายหัวไป

โช้คหลังเป็นอะไรที่ประทับใจเทสไรเดอร์พอสมควร แต่จังหวะแรกที่โดดขึ้นไปขี่รถต้องปรับตัวกันเล็กน้อย เนื่องจากเวลาบิดคันเร่งโช้คหลังจะมีอาการยุบตัวเพื่อซับแรงกระทำ ฉะนั้นอาจจะงงกันได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

การเข้าโค้งแคบหรือโค้งกว้างๆรถ RT2 ทำได้ดี ขนาดฝนตกผิวถนนเปียกๆอย่างในภาพที่เห็นเทสไรเดอร์ลองเปิดคันเร่งออกจากโค้ง มีอาการท้ายสไลด์เล็กน้อย แต่โช้คหลังของ RT2 ก็ซับแรงได้ดีเกินกว่าที่คาดไว้

ระบบเบรก

ถ้าหากคิดว่าระบบช่วงล่างของ RT2 ทำได้ดีแล้ว ระบบเบรกนั้น “ทำได้ดีกว่า” เบรกหน้าเรียกได้ว่าติดท็อปไฟว์ของรถสกู๊ตเตอร์พิกัดนี้ ฟิลลิ่งเบรกให้ความนุ่มนวลแต่ “สั่งได้” จะเบรกลึก เลียเบรก เบรกระยะประชิดเพื่อให้รถหยุดในทันทีก็ทำได้ในระดับที่ “มั่นใจ”

ส่วนเบรกหลังถึงแม้น้ำหนักตัวรถจะเยอะกว่า RT1 แต่ก็สร้างความแปลกใจให้ว่า “เบรกได้ดีกว่า” รถ RT2 สามารถเบรกได้จนล็อคโดยไม่ต้องออกแรงมากมาย

บทสรุป

CYCLONE RT2 ภาพรวมภายนอกดีไซน์ดูสปอร์ตล้ำสมัยประหนึ่ง “Double B Transformers” ถ้าชอบแนวหุ่นยนต์เห็นครั้งแรกต้องโดนใจแน่นอน เครื่องยนต์ให้การตอบสนองได้ค่อนข้างดีมาก ระบบช่วงล่างค่อนข้างดี แต่ระบบเบรกดีกว่า ที่เหลือต้องวัดกันระยะยาวเรื่องคุณภาพของตัวสินค้า และอะไหล่รวมทั้งศูนย์บริการ

ข้อดี