Home  »  Reviews   »   รีวิว รถไฟฟ้าแบรนด์ I-Motor รุ่น Vapor 3,000 วัตต์ เทคโนโลยีแห่งอนาคตจากฝีมือคนไทย

รีวิว รถไฟฟ้าแบรนด์ I-Motor รุ่น Vapor 3,000 วัตต์ เทคโนโลยีแห่งอนาคตจากฝีมือคนไทย

ถึงแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราจะได้เห็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เข้ามาเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งมีทั้งรถจากค่ายผู้ผลิตรายใหญ่ และผู้นำเข้ารายย่อยที่วางขายตามหน้าร้านขายรถทั่วๆไป ซึ่งส่วนมากก็มาจากประเทศจีนนั้นเอง

 

และในวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เห็น แบรนด์ผู้ผลิตสินค้าไทย” รุกทำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า I-Motor (ไอมอเตอร์รุ่นแรกที่วางจำหน่ายคือรุ่น Vapor (เวเปอร์) พื้นฐานของ บริษัท ไอ-มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตรายนี้ คือ ผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมรถมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่น ที่มีประสบการณ์มายาวนานกว่า 60 ปี และยังส่งชิ้นส่วนต่างๆให้กับค่ายรถ ฉะนั้นเรื่องของคุณภาพของสินค้าอยู่ในระดับที่มั่นใจได้

ทาง I-Motor ชูจุดเด่นเรื่องการดีไซน์ภายใต้คอนเซป Modern Simplicity Design” โดยเน้นความทันสมัย เรียบหรู โดดเด่นอย่างลงตัว เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งการขับขี่ในชีวิตประจำวัน การขับขี่ในเมืองหรือการเดินทางท่องเที่ยว

 

รูปทรงภายนอกเทสไรเดอร์ว่า เป็นการผสมผสานความคลาสสิคทรงยอดนิยม และความทันสมัยเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวทีเดียว * รถคันที่เห็นอยู่นี้จะเป็น รถโปรโตไทป์ ซึ่งใกล้เคียงกับรถที่ผลิตขายจริง *

ระบบไฟแสงสว่างแบบ Full LED รอบคัน พร้อมไฟท้ายแบบ LED Full Function Signals (FFS) ดีไซน์โฉบเฉี่ยวล้ำสมัยที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถซุปเปอร์คาร์

หน้าจอดิจิทัล ขนาด 6.7 นิ้ว แสดงผลได้ชัดเจนแม้อยู่กลางแจ้ง สัญลักษณ์และตัวเลขต่างๆมีให้ครบการแจ้งเตือนทุกระบบ แถบแสดงรอบเครื่องชัดเจน ตัวเลขความเร็วโชว์สูงสุดที่ 199 กม./ชม. พร้อมระบบ Double Protection System ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนป้องกันการบิดคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ

ปรัชญาในการออกแบบของ I-Motor ทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมการสั่งงานต่างๆ โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน ขับขี่ได้อย่างสนุกและปลอดภัยตลอดทุกช่วงการเดินทาง

 

สวิทช์ฝั่งซ้าย :  สวิทช์ไฟสูงต่ำ , ไฟฉุกเฉิน , ไฟเลี้ยว , แตร , สวิทช์ R ถอยหลัง

สวิทช์ฝั่งขวา :  สวิทช์รีเซ็ตระบบ , สวิทช์สตาร์ท (สีแดง) , ปุ่ม Boost (รูปรถ)

 

และโหมดของการขับขี่ ECO (ประหยัด) , STD (ปกติ) , PWR (พลังไฟแร๊งงงส์สูงสุด!!) และ Boost Mode เพิ่มอัตราการเร่งแซงได้ในเสี้ยววินาที

Smart Key กุญแจรีโมทอัจฉริยะ สตาร์ทโดยไม่ต้องใช้กุญแจ หรือ พร้อมฟังก์ชั่นป้องกันการโจรกรรม

ชื่อมต่อไม่มีสะดุด สนุกได้ทุกที่ไม่มีติดขัดด้วย ช่องชาร์จไฟสำรอง 12V แบบ USB Type A พร้อมช่องเก็บของคอนโซลหน้าซ้ายขวา ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ระบบช่วงล่างโช้คหน้าเทเลสโคปิคและโช้คคู่ในด้านหลัง มาพร้อมกับระบบดิสเบรก ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

 

ล้ออัลลอยด์ขนาด 12 นิ้ว ทั้งหน้าและหลัง โดยรถทดสอบนั้นใส่ยางยี่ห้อ DURO รุ่น HF-918 ล้อหน้าขนาด 100/90-12 ล้อหลังขนาด 130/70-12 ส่วนรถที่ผลิตขายจริงอาจจะมียางยี่ห้อ IRC เพิ่มมาอีกหนึ่งแบรนด์

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 3,000 วัตต์ กันน้ำผ่านมาตราฐาน (IP67)​ ชาร์จไฟระบบ AC เร่งแรง แซง พุ่งทะยานได้ดังใจ พร้อมเทคโนโลยีสมองกลผสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียว ควบคุมการจ่ายพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมการประมวลผลอัจฉริยะ ทำให้ทุกการเดินทางสมบูรณ์แบบ

หน้าตาแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน LiFePO4 ยี่ห้อ TONAN วางอยู่ใต้เบาะนั่ง ขนาดความจุ 73.6V / 45Ah ใช้ระยะเวลาในการชาร์จจาก 0-100% เต็มใน 5.5 ชั่วโมง (รุ่นปกติ)

 

สำหรับ Vapor รุ่น S จะใช้เวลาในการชาร์จเพียง 3 ชั่วโมง (Option Fast Charge 15A.)

ปลั๊กสามขา สำหรับการเสียชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่

เริ่มทดสอบกันเลยดีกว่า

การตอบสนองของระบบมอเตอร์ และระบบอิเล็คทรอนิกส์

เราวางแผนการทดสอบเริ่มต้นกันที่ ปั้นน้ำมันบนถนนรังสิต เดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครนายก  ช่วงนี้จะเป็นทางตรงระยะยาวเพิ่อลองทดสอบระยะทางที่แบตเตอรี่สามารถใช้ได้จริง ซึ่งระยะทางจุดพักแรกห่างประมาณ 60 กิโลเมตร

 

ช่วงขี่ทดสอบนั้นเทสไรเดอร์ทดลองใช้ทุกโหมดที่มีทั้ง ECO , STD , PWR เพื่อหาสปีดสูงสุดของแต่ละโหมด และแรงบิดที่ตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้า

 

เทสไรเดอร์เริ่มต้นการทดสอบด้วยการเปิดโหมด STD ฟิลลิ่งแรกเริ่มที่บิดคันเร่งออกตัวไป มอเตอร์ให้ความรู้สึกสมูทลื่นไหลได้อย่างต่อเนื่องเงียบกริ๊ป!! แรงบิดมีพอประมาณฟิลลิ่งต่างกับรถเครื่องยนต์โดยสิ้นเชิง

 

สำหรับความเร็วในแต่ละโหมดที่รถ Vapor ทำได้ เริ่มกันที่โหมด ECO นั้นสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 60+ กม./ชม. ส่วนโหมด STD 80+ กม./ชม.

ถนนเส้นรังสิต-นครนายก บอกเลยว่ารถเย๊อะจริงๆ ฉะนั้นการจะเร่งแซงรถบรรทุกได้แบบมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญกับชีวิตชาวสองล้อ ที่ไม่ต้องเสี่ยงวัดใจว่าจะพ้นหรือไม่พ้น ความปลอดภัยต้องมาก่อน

ถ้าต้องการอัตราเร่งที่รวดเร็วแนะนำให้กดปุ่ม Boost ฝั่งขวามือด้านล่างที่เป็นรูปรถ บิดคันเร่งแล้วกดแช่ไว้เลยนะกล่อง ECU จะสั่งมอเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มแรงบิดและความเร็วขึ้นมาทันที!!

แรงบิดของรถ Vapor ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งการกดปุ่ม Boost นั้นสามารถใช้ได้ในโหมด ECO , STD และการขี่ในโหมด PWR (Power) นั้นสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 100+ กม./ชม.

ตอนนี้เราก็เดินทางมาถึงจุดแวะพักที่แรกแล้ว แบตเตอรี่หมดไปครึ่งนึง ซึ่งสัญลักษณ์แบตเตอรี่ 1 ขีด สามารถเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์การใช้แบตได้ 10% เพราะมีขีดทั้งหมด 10 ขีด ก็คือ 100%

การคอนโทรล

หลังจากหลบร้อนพักกินกาแฟเดี๊ยวเทสไรเดอร์จะพาขึ้นเขาไปโยนโค้งกันสักเล็กน้อย เทสระบบช่วงล่าง เบรก การคอนโทรล การบาลานซ์น้ำหนักกัน

 

ถึงแม้รถ Vapor จะวางแบตเตอรี่อยู่ในตำแหน่งใต้เบาะไปทางด้านหลังของตัวรถ แต่รถก็ให้การบาลานซ์ได้ค่อนข้างดี การเข้าโค้งเป็นไปอย่างง่ายดายและสมูท ขี่ชิลๆมือเดียวชมนกชมไม้ไปได้แบบสบายๆเลย

 

แถมเรื่องแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้า จังหวะช่วงกดคันเร่งขึ้นเขาตัวมอเตอร์ให้การตอบสนองได้ดี สมูทรวดเร็ว ไม่มีอาการอืดดรอรอบ “กดปุ๊บมาปั๊บ” เพียงแต่คุณต้องปรับไปโหมด PWR น๊ะ!!

ตำแหน่งแฮนด์ ท่านั่ง การวางเท้า อยู่ในระดับมาตราฐานที่ดี เบาะนั่งแบบยาว 2 ตอน ดีไซน์โค้งมน นั่งสบายกับการทดสอบทริปนี้กว่า 200 กิโลเมตร

ระบบกันสะเทือนและช่วงล่าง

เทสไรเดอร์ทดลองขี่แบบเรซซิ่งตามสไตล์ Motowish ช่วงล่างรับแรงสะเทือน แรงเหวี่งได้ดี ฟิลลิ่งในด้านหน้านั้นออกแนวๆนุ่มการรีบาวด์ช่วงเบรกหนักๆทำได้ดี ส่วนด้านหลังจะออกแข็งกว่าเล็กน้อย ซ้อนสองคนน่าจะรับน้ำหนักได้อย่างพอดี โดยรวมถือว่าดีระดับต้นในรถไฟฟ้าคลาสเดียวกัน

ระบบเบรก

ถือว่ารถ Vapor ให้ระบบเบรกมาได้พอเหมาะกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 3,000 วัตต์ ดิสก์เบรกหน้าหลังเบรกทำได้ดี ฟิลลิ่งเบรกให้ความรู้สึกระดับกลางๆ ไม่แข็งจนเกินไปและก็ไม่ได้นิ่มซะทีเดียว เทสไรเดอร์ชอบจังหวะการเทรถเข้าไปในโค้งและแต่งเบรกหลังให้รถเอียงลงไปในโค้ง เพราะบนเขาเราจะเจอโค้งสองจังหวะบ่อยๆ

ยางติดรถ

บอกตรงๆว่าเป็นครั้งแรกที่เทสไรเดอร์ได้ขี่ยางยี่ห้อ DURO เนื้อยางให้ความรู้สึกกลางๆค่อนข้างไปทางแข็งเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นปกติสำหรับยางที่ใส่ในรถทั่วไป เพื่อต้องการระยะทางในการวิ่งที่มากและทนทานกว่า แต่ก็ให้ฟิลลิ่งการเกาะถนนได้ดี สามารถสาดโค้งได้ในระดับที่มั่นใจ ผู้ใช้รถอาจจะต้องเช็คลมยางเพื่อประสิทธภาพสูงสุดในการขับขี่

หลังทดสอบขึ้นเขาลงเขาแล้วก็เดินทางไปยังที่พักกัน จะสังเกตเห็นสัญลักษณ์แบตเตอรี่ไม่โชว์แล้ว แสดงว่าแบตเตอรี่หมดนั้นเอง เทสไรเดอร์ได้ทดสอบต่อไปอีกว่า “ถ้าแบตเตอรี่หมดจะวิ่งได้อีกกี่กิโลเมต” สรุปคือ วิ่งได้อีกประมาณ 10+- กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้

บทสรุป

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์คนไทย รุ่นแรกที่เปิดตัวโดยรวมถือว่าทำได้ในระดับที่ดี มอเตอร์ไฟฟ้า 3,000 วัตต์ กับแบตเตอรี่ที่วิ่งได้ระยะทางในการทดสอบใช้งานจริงได้ประมาณ  100+ กิโลเมตร และการชาร์จไฟ AC ตอบโจทย์ลูกค้ารักษ์โลกและต้องการความทันสมัยได้อย่างตรงเป้าหมาย

 

ด้วยความที่บริษัทผู้ผลิตมีจุดแข็งเรื่องการผลิตชิ้นส่วนส่งให้กับค่ายรถ ฉะนั้นการต่อยอดทำโปรดักส์เป็นของตัวเอง หรือ การจะปรับปรุงอัพเกรดในรุ่นต่อไปไม่ใช่เรื่องยาก ตอนนี้ก็เหลือแค่ว่า “คนไทยจะสนับสนุนของคนไทยด้วยกันหรือไ่ม่” แค่นั้นเอง!!

รุ่นรถและสี

รุ่น Vapor ราคา 90,950 บาท

 

โดยมีสีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ดังนี้ ซัมเมอร์ ออเรนจ์ (Summer Orange) , ปาร์ตี้ เยลโลว์ (Party Yellow) , คอซาร์ เรด (Corsa Red) , แอโร บลู (Aero Blue) , ออนิกซ์ แบล็ก (Onyx Black) , นิมบัส ไวท์ (Nimbus White)

รุ่น Vapor S – LIMITED EDITION ราคา 125,500 บาท จำนวนจำกัด 99 คัน เท่านั้น

 

เป็นรุ่นที่ตกแต่งเป็นพิเศษ มาพร้อมกับสี สตรอมเกรย์ (Strom Grey) ที่มีสติกเกอร์ลาย ลิมิเต็ด อีดิชัน มีระบบเบรกแบบ CBS ให้กล่องใส่ของท้ายรถที่พ่นสีพิเศษสีเดียวกับตัวรถ และระบบ Fast Charge 15 A.

 

สามารถเป็นเจ้าของ Vapor และ Vapor S ในราคาพิเศษ จำนวนจำกัด โปรโมชั่นเฉพาะในงานมอเตอร์โชว์ จองเพียง 1,000 บาท ฟรี!!! พรบ. (เฉพาะ Vapor / Vapor S) พร้อมรับประกันนานสูงสุด 3 ปี​ หรือจองผ่าน Line : https://lin.ee/Ty9D4xs

 

International Standard : ISO9001-2015, ISO14001-2015, IATF16949, E-Mark, UNR136, IP67

 

Specifications:

  • Electric Hub Motor Power                              3000 W (IP67)
  • Max Speed                                                          100 Km./hr.
  • Distance on Full Charge                                  100 Km.*
  • Battery Type                                                       LiFePO4
  • Battery Capacity                                                 73.6V / 45Ah
  • Charging Time                                                    5.5 hrs.
  • Charger                                                                 8 A**
  • Overall Dimension                                             1,690 mm x 705 mm. x 1,100 mm.
  • Net Weight                                                           115 Kgs.
  • Front Wheel                                                         100/90-12
  • Rear Wheel                                                           130/70-12
  • Front Brakes                                                        Disc Brake
  • Rear Brakes                                                           Disc Brake
  • Boost Mode                                                           YES
  • Riding Mode                                                         ECO, STD, PWR, REVERSE
  • Quality System             9001-2015 , 14001-2015 , IATF 16949 , UNR 136

 

Remarks:  *On Dyno Test

    **Option with fast charge 15A (Approx. Charging Time 3 hrs.)

 

บริษัท ไอ-มอเตอร์แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด

บริษัท ไอ-มอเตอร์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด

90 หมู่ 4 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10540

 

อ่าน Reviews เพิ่มที่นี่

อ่านข่าว Vapor เพิ่มที่นี่


 

เรื่องราว ข่าวสองล้อที่สาวกไบค์เกอร์ต้องรู้ที่

Website : motowish.com 

Facebook : facebook.com/motowish



ห้ามคัดลอกบทความหรือเนื้อหาในเว็บ Motowish